สังคม

แม่สุดดีใจ! ลูกชายได้สติกลับมาแล้ว หลังเสพยาหายตัวนาน 5 เดือน จนกลายเป็นคนเร่ร่อน

โดย gamonthip_s

3 มี.ค. 2567

800 views

วันนี้ (3 มี.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีนายธนิต อายุ 42 ปี และน.ส.สุภาวรรณ อายุ 40 ปี ชาวบ้านโนนสีทอง หมู่ 7 ต.บ้านชัย อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ขับรถจักรยานยนต์มาไกลจาก อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เข้ามาในตัวเมือง ระยะทางกว่า 80 กม. เพื่อมาตามหาลูกชาย ชื่อนายโชคชัย สุคำภา หรือชื่อเล่น หนึ่ง อายุ 23 ปี ที่หายออกจากบ้านกว่า 5 เดือน ตั้งแต่เดือนก.ย.66 สุดท้ายมีเพื่อนบ้านมาบอกว่าเจอนายหนึ่งเป็นคนเร่ร่อนในตัวเมือง จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งพ่อและแม่ขี่รถจักรยานยนต์จากบ้านเกิดเข้ามาหาลูกชายในตัวเมือง สุดท้ายเจอโดยบังเอิญนอนขดอยู่ในวัด สุดดีใจได้เจอหน้าลูกชายแล้ว แต่พ่อแม่ต้องใจสลายเมื่อไปเรียกชื่อลูกชาย แต่เจอลูกชายตอกกลับใครลูกคุณ เจ้าตัวบอกผมชื่อเวิน ไม่ใช่ชื่อหนึ่ง จากนั้นก็เดินหนีไปคุ้ยขยะ พ่อและแม่ดูแล้วลูกชายคงสติคงกลับบ้านยาก พ่อและแม่ต้องขอร้องเจ้าหน้าที่ตร.สายตรวจสภ.เมืองอุดรธานี เข้าไปพูดคุยกับนายหนึ่งให้ พอตร.สายตรวจมาถึง นายหนึ่งมีอาการของขึ้นตกใจ บอกกับตร.ว่าพวกเจ้าเป็นตร.จะมารังแกประชาชนได้ไง ตร.ก็บอกว่า จะพาไปโรงพักก่อน แต่นายหนึ่งไม่ยอมไป เจ้าหน้าที่ก็คุมตัวขึ้นรถสายตรวจ แต่นายหนึ่งตะโกนลั่นจะมาว่าเป็นลูกได้อย่างไร ผมไม่ใช่ลูกคุณ สุดท้ายตร.อุ้มขึ้นรถสายตรวจอย่างทุลักทุเลเพื่อเอาตัวไปรักษาที่รพ.ศูนย์อุดรธานี


ล่าสุดอาการนายหนึ่งดีขึ้นสติกลับคืนมาแล้ว พ่อและแม่ได้พามายังบ้านเกิดที่บ้านโนนสีทอง ต.บ้านชัย โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนาย นายธนิต อายุ 42 ปี และน.ส.สุภาวรรณ อายุ 40 ปี และนายหนึ่งลูกชายนั่งอยู่บันไดของบ้าน โดยนายหนึ่งมีอาการไม่เป็นบ้าแล้ว สติคืนมา ยกมือไหว้สวัสดีกับแขกที่มาเยือน ส่วนสีหน้าพ่อและแม่ดีใจ ยิ้มได้ รวมถึงน้อง ๆ อีก 2 คนก็ดีใจด้วยที่เห็นพี่ชายกลับมาบ้าน ผู้สื่อข่าวลองให้นายหนึ่งเรียกชื่อพ่อแม่และน้อง นายหนึ่งก็เรียกชื่อได้หมดทุกคน ชี้ไปที่น้องคนหนึ่งชื่อน็อต อีกคนชื่อนัท อีกคนชื่อมิล อยู่กรุงเทพฯ แม่ก็เลยชี้บนบ้านคนนั้นคือใคร นายหนึ่งก็บอกว่า นายเฒ่า แม่ก็ดีใจที่ลูกชายจำได้ทุกคน จากนั้นแม่ก็ตัดเล็บให้ลูกชายทั้งเล็บมือและเล็บเท้า โดยมีน้องสองคนเฝ้าดูพี่ชายด้วยความห่วงใย สักพักนายหนึ่งบอกว่า แม่ผมยาวอยากไปตัดผม โดยแม่จะพาเข้าไปตัดผมที่ร้านตัดผมในหมู่บ้าน


ก่อนไปตัดผม นายหนึ่งจากคนบ้าเพราะยาเสพติดสติกลับคืนมาไม่เป็นคนบ้าอีกแล้ว เปิดใจกับนักข่าวว่า ที่ผมไม่กลับบ้านเพราะมียักษ์อยู่ประตูในวัดมัชฌิมาวาส อยากให้ผมไปดูดร่าง ให้ดูดออกเหมือนทราย ตอนนั้นที่เดินออกจากบ้านก็มีเหมือนคนมาตีที่ศีรษะ จากนั้นผมก็เบลอจำอะไรไม่ได้ ตอนนั่งอยู่ก็มีเหมือนคนพูดอยู่ข้าง ๆ ตอนนี้ดีใจที่ได้กลับมาบ้าน ผมจำทุกคนได้หมดเลยครับ จำพ่อได้ครับ จำแม่ได้ครับ ผมจะไม่หนีออกจากบ้านอีกแล้วครับ นายหนึ่งกล่าว



ทางด้านน.ส.สุภาวรรณ แม่ของนายหนึ่ง บอกว่า วันนี้ดีใจมากที่ได้เจอลูกชาย เหมือนได้ชีวิตลูกชายคนใหม่กลับบ้าน หลังจากหายจากบ้านนานกว่า 5 เดือน เมื่อวานไปตามลูกชายที่เป็นคนบ้าคนเร่ร่อนในเมืองอุดร เขาจำพ่อแม่ไม่ได้ ก็เลยขอร้องให้ตร.ไปช่วยจับเอาตัวไปส่งโรงพยาบาลก่อน ตอนที่นอนอยู่โรงพยาบาลเขาหนีออกจากโรงพยาบาลไปอยู่ที่วัดมัชฌิมาวาสเหมือนเดิม รปภ.ของโรงพยาบาลไปตามมาให้แล้วหมอฉีดยา พอเขาฟื้นขึ้นมาเรียกชื่อแม่ก็ดีใจสติลูกกลับคืนมาแล้ว ตอนนั้นน้ำตาไหลเลย ก็เลยให้โทรแจ้งให้นายวีระพลฯ บ้านดุงอัพเดตมารับมาส่งที่บ้านมาถึงประมาณ 4 ทุ่ม มาถึงบ้านเขาก็เข้าไปนอน นอนกอดน้องชายด้วย



หากย้อนไปเมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ลูกชายที่ติดยาเสพติดได้ไปรายงานตัวที่ศาลจ.อุดรธานี ก็บอกลูกให้ไปรายงานตัวนะลูก พ่อให้เงินติดตัวไป 200 บาท จากนั้นไม่เห็นลูกอีกเลย ตอนแรกเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่จับติดคุกหรือเปล่า เพราะเขาหนีรายงานตัวมาครั้งสองครั้ง ใจหนึ่งก็คิดว่าเขาคงกลับบ้านเพราะลูกชายเคยหนีจากบ้านไปเป็นเดือนก็เคยกลับมาบ้านเอง อีกใจก็คิดว่าลูกชายจะไปหางานทำในตัวเมืองอุดร หรืออาจจะหนีไปทำงานกรุงเทพ แต่นานเข้าหลายเดือนลูกชายเงียบไม่กลับบ้าน หัวอกพ่อก็แม่ก็เป็นห่วงลูกชาย ประกาศตามหาทางโซเซียล เวลาไปขายของก็ถามชาวบ้านก็ไม่เห็น ที่ห่วงเพราะเขาเป็นลูก ตนเองมีลูก 6 คน ตาย 2 คนเหลือ 4 คน นายหนึ่งเป็นลูกชายคนโต ก่อนที่จะติดยาเสพติด ลูกชายคนนี้ถือเป็นเสาหลักช่วยพ่อช่วยแม่ทำงาน เขาเป็นคนสุภาพเรียบร้อย พูดกับพ่อและแม่ไพเราะ แต่มาเสียคนเพราะยาเสพติด


ความรู้สึกเมื่อวานที่ลูกจำแม่ไม่ได้ แม่น้ำตาไหลทันที มองไปหาสามี สามีก็น้ำตาไหล แต่วันนี้ได้ลูกกลับคืนมาแล้ว ดีใจถึงที่สุด ลูกมีกี่คนก็รักทุกคน พ่อและแม่ตายแทนลูกได้ จะคอยดูแลเขาให้ดีและไม่อยากให้ไปยุ่งยาเสพติดอีก

คุณอาจสนใจ