สังคม

สามีผู้เสียชีวิต เปิดใจทั้งน้ำตา ไม่เดินหน้าครอบครองปรปักษ์แล้ว - ‘ศรีพรรณ’ ขอโทษ ‘อากู๋’ ยินดีถอนฟ้องทุกอย่าง

โดย petchpawee_k

28 ก.พ. 2567

41 views

สามีผู้เสียชีวิต เปิดใจทั้งน้ำตา ไม่มีเจตนาเอาของใครมาเป็นของตัวเอง ยันไม่เดินหน้าเรื่องครอบครองปรปักษ์แล้ว - พร้อมขอโทษ “อากู๋-ซัน-อาย” ผ่านสื่อ หากภรรยาจากไปแบบไม่ถูก วิญญาณคงไม่สงบ หากขอโทษได้ คงอยากไปขอโทษอากู๋ด้วยตัวเอง

กรณีที่ น.ส.ภานุมาศ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งความในข้อหาบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านฟ้องครอบครองปรปักษ์บ้านอากู๋ ย่านรามอินทรา 58 ผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านพัก ย่านคันนายาว กทม. เมื่อวันที่ 26 ก.พ.67 ที่ผ่านมา


วานนี้ (27 ก.พ.67) นายพลกฤษณ์ ทองคำ หรือเอ๋ สามีของนางสาวภานุมาศ ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องถูกแจ้งความคดีบุกรุก และคดีครอบครองปรปักษ์ ว่า ในส่วนของคดีบุกรุก ซึ่งเป็นคดีอาญา ตนต้องให้เกียรติฟังทนายคนแรกก่อน แต่ในส่วนของคดีครอบครองปรปักษ์ที่ทราบกัน ยืนยันว่า “จะไม่เดินหน้าต่อแล้ว ไม่เดินหน้าตั้งแต่ก่อนที่ภรรยาจะจากไปด้วยซ้ำ” เราสองคนคุยกันทุกวันอยู่แล้วในเรื่องนี้  ที่ผ่านมายอมรับว่า “ภรรยารู้สึกเครียดและกดดันมาก” แม้ว่าพวกเราจะตั้งใจอยากไกล่เกลี่ยและยอมอยู่แล้ว


เมื่อถามว่าในส่วนคดีบุกรุกจะยอมรับสารภาพหรือปฏิเสธนั้น นายพลกฤษณ์ บอกว่า ขอคุยกับทนายก่อน เพราะยังไม่ได้คุยกัน เรื่องนี้ยังอยู่ในชั้นอัยการ แต่ในใจของพวกเรา อยากขอไกล่เกลี่ยในทุกขั้นตอนจริงๆ ตามภาพที่ตนได้ส่งแชทไปหาอีกฝ่าย และตามที่ได้ยินเสียงจากคลิปที่ได้คุยกับอากู๋ ข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้นเลย


เมื่อถามว่าจะถอนทนายวัฒนาออกจากคดีครอบครองปรปักษ์เลยหรือไม่ นายพลกฤษณ์ ย้ำว่า ทางเราคุยกันอยู่แล้วว่าจะถอนครอบครองปรปักษ์กันตั้งแต่เกิดเหตุครั้งที่ 2 ที่มีเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะเหตุการณ์นั้นบีบหัวใจภรรยามาก  ภรรยาถึงขั้นดาวน์ลงและเฟลมาก ยิ่งพอมาเกิดเหตุการณ์วันนี้ “เรายิ่งต้องการจะยกเลิกทนายวัฒนา ไม่เดินหน้าต่อครอบครองปรปักษ์แน่นอน”


ส่วนประเด็นภรรยาก้มกราบเท้าทนายขอร้องให้ถอนคำร้องครอบครองปรปักษ์นั้น นายพลกฤษณ์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่เป็นการนั่งธรรมดาก้มกราบ ส่วนตอนนั้นตนนั่งทำงานอยู่ มีเพียงภรรยาที่พูดคุยกับทางทนายเท่านั้น และพยายามขอร้องให้ทุกอย่างมันจบๆซะ ด้วยเหตุการณ์ที่คงบีบหัวใจเขามาก ทำให้ไม่อยากเดินหน้าต่อ ประกอบกับภรรยาเป็นคนที่ตัดสินใจ บางทีก็ด้วยอารมณ์เครียด เขาก็เลยหาวิธีทำยังไงก็ได้ ให้ครอบครองปรปักษ์มันหยุดเป็นรูปธรรม จึงทำแบบนั้นไป


เมื่อถามว่าครอบครองปรปักษ์ใครเป็นคนริเริ่มให้ยื่นคำร้องเรื่องนี้ นายพลกฤษณ์ บอกว่า ไม่ขอตอบว่าใครเป็นคนยุยง พร้อมยืนยันว่าทนายความไม่ได้ย้ำให้สู้ขนาดนั้น แต่อาจจะเป็นทำนองให้คำปรึกษาว่าถ้าเป็นในทางกฎหมายสามารถทำได้ แต่หากถามถึงจุดเริ่มต้นตรงนี้ ตนไม่สามารถพูดได้ เพียงแต่บอกได้ว่าคดีที่ 2 พี่สาวของภรรยาเป็นคนทำ ตนไม่ได้ไปยุ่ง

นอกจากนี้ช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่ภรรยาจะเสียชีวิต เขาเคยพูดตลอดว่า “จะขอออกหน้ารับผิดเองคนเดียว” นั้น เรื่องนี้นายพลกฤษณ์ บอกว่า เขาคุยกับพี่ที่บ้านทุกวัน คดีแรกเป็นคดีอาญาถ้าเกิดอะไรขึ้น “เขาขอรับผิดคนเดียว เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องมาติดคุก”  ซึ่งตนมองว่าบางทีก็ไม่ใช่เรื่องของเขาซะคนเดียว แต่ด้วยนิสัยเขา มีเจตนาขอเป็นคนรับผิด เพียงเพราะอยากปกป้องคนในครอบครัว โดยเฉพาะตนเป็นหลัก


หากย้อนกลับไปจะไม่เคยเห็นหน้าตนผ่านสื่อเลย จะเห็นแค่ช่วงที่ไปพบอัยการ ตอนนี้ยอมรับว่าในฐานะสามี ตนรู้สึกผิดและสำนึกผิดเป็นอย่างมากว่า ทำไมต้องให้ผู้หญิงออกมาปกป้อง ที่ผ่านมาเขาห้ามตนมาตลอด ไม่อยากให้ตนออกหน้าและไม่อยากให้เรื่องนี้มีผลเสียต่อการทำงาน มันเลยทำให้เรื่องทุกอย่างไปกดดันเขา


เมื่อถามย้ำว่ามีปัจจัยอะไรหรือไม่ที่ทำให้จากเรื่องเล็กกลายเป็นกลายเป็นเรื่องใหญ่นั้น นายพลกฤษณ์ ตอบว่า ไม่มีปัจจัยอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นความคิดของเราเอง เพียงแต่เราขาดความรู้ทางด้านกฎหมาย ไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ เราคิดเพียงแต่เราทำผิดจะจะทำยังไงให้พ้นผิด และเราอยากจะตอบสังคมได้ว่า ”เราไม่อยากครอบครอง“ พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้มันหนักกว่าที่เราจะรับได้ เลยหาแนวทางจากความผิดที่หนักกลายเป็นเบา แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะเอาของใคร


นายพลกฤษณ์ ยังฝากผ่านสื่อไปถึงอีกฝ่ายด้วยว่า “ขอโทษที่ปล่อยเวลาครั้งแรก ครั้งที่สองเนิ่นนานเกินไป ยอมรับว่าผิดแต่ไม่เข้าขอโทษก่อนด้วย มันก็เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นจากตัวของเรา และอาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ซึ่งก็ได้พูดแต่ขอโทษ โดยในใจลึกๆ เจตนาของเราสองคนสามีภรรยา ไม่คิดจะเอาอะไรที่ไม่ใช่ของเรา มาเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เราทำงานมาก็ซื้อบ้านอยู่กันเอง สู้กันมาตลอด เพียงแต่เห็นสภาพแวดล้อมตรงนี้มันไม่ดี ก็แค่อยากจะดูแลให้มันดีเท่านั้น อยากจะขอโทษอากู๋ น้องซัน น้องอาย อยากบอกว่าให้รักกันมากๆ พี่คงไม่มีเหมือนน้องอีกแล้ว ช่วงนี้นายพลกฤษณ์ร้องไห้ พร้อมทั้งขอโทษสังคมจริงๆ ที่ทำให้เรื่องทุกอย่างมันดูรุนแรง ซึ่งบางทีมันก็ดูไม่ควร ยืนยันว่าเจตนาลึกๆ ตนไม่ได้อยากได้ของใคร หากคนนี้ครอบครองปรปักษ์ยังเดินหน้าอยู่ หากชนะ ตนก็จะขอคืนบ้านให้อากู๋อยู่ดี ตนไม่เอา"
------------------------------------------

“ศรีพรรณ” ผู้ฟ้องครอบครองปรปักษ์ เปิดใจครั้งแรก เสียใจสูญเสียน้องสาวกะทันหัน - ยกมือไหว้ขอโทษ “อากู๋” ทำเรื่องบานปลาย ยืนยันจะถอนฟ้อง ยุติทุกอย่าง

ภายหลังจากชันสูตร่างของ น.ส.ภานุมาศ ผู้เสียชีวิตเสร็จ ครอบครัวได้นำร่างมา ประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดบางเตย เขตบึงกุ่ม กทม. ซึ่งในเวลา 16.00 น. มีพิธีรดน้ำศพ น.ส.ภานุมาศ โดยมีนายพลกฤษ หรือเอ๋ สามี  คุณป้าศรีพรรณ พี่สาว พร้อมด้วยครอบครัวร่วมรดน้ำศพ ซึ่งพบว่าในส่วนของทนายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายความ เดินทางมาร่วมรดน้ำศพผู้เสียชีวิตในวันนี้ด้วย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า


สำหรับคืนวานนี้มีพิธีสวดพระอภิธรรมเป็นคืนแรก ก่อนจะมาการฌาปนกิจ ในวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค.67 ขณะเดียวกันทราบว่า น.ส.ภานุมาศ ประสงค์บริจาคร่างเป็นอาจารย์ ซึ่งสามีของ น.ส.ภานุมาศ ได้ให้ข้อมูลว่า ได้ทำตามประสงค์แล้วขณะที่มีการชันสูตร ก่อนที่แพทย์จะส่งร่างกลับมาให้ทางครอบครัวประกอบพิธีทางศาสนา


ขณะเดียวกันคุณป้าศรีพรรณ บุคคลที่ชื่อปรากฏในแผ่นติดประกาศว่าได้กรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย เปิดใจครั้งแรก ระบุว่า ตนยินดีที่จะถอนฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ให้อากู๋  ก่อนจะยกมือไหว้ และกล่าวขอโทษอากู๋ที่เรื่องราวมาถึงขนาดนี้ ส่วนตัวเองรู้สึกเสียใจ ที่สูญเสียน้องสาวกะทันหัน


คุณป้าศรีพรรณ กล่าวต่อว่า จากนี้ตนจะขอพบทนายวัฒนาอีกรอบเพื่อพูดคุยกันถึงแนวทางจากนี้ แต่ยืนยันว่าตนยินดีที่จะถอนฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์ให้


เมื่อถามว่าทนายวัฒนา ติดต่อมาพูดคุยหรือยัง ป้าศรีพรรณ ระบุว่า “ทนายเองก็ยินดีที่จะถอน ไม่ใช่ว่าจะไม่ถอน แต่ว่าต้องรอนิดนึง”   ส่วนจะถอนฟ้องเมื่อไหร่นั้นยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะขอจัดการเรื่องงานศพน้องสาวก่อน


คุณป้าศรีพรรณ ยังระบุอีกว่า ในส่วนคดีปรปักษ์ ทนายวัฒนาไม่ได้แนะนำอะไร บอกเพียงแค่ว่าคดีของเราเป็นคดีอาญา ทนายความสามารถช่วยให้พ้นผิดได้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินจึงดันทุรังให้ฟ้องครอบครองปรปักษ์แต่อย่างใด


ส่วนเหตุการณ์ที่ น.ส.ภานุมาศ หรือน้องสาวของตน ก้มกราบทนายวัฒนา เพราะอยากถอนฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์นั้น ขอยืนยันว่าเป็นการนั่งคุยกัน ปรึกษากันธรรมดาไม่มีการนั่งกราบแต่อย่างใด


คุณป้าศรีพรรณ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เคยคุยหรือเจอกับอากู๋ มีแต่น้องสาวเป็นคนคุย  จึงอยากบอกผ่านตรงนี้ว่า “ ขอโทษอากู๋ และทำให้วุ่นวายกันทั้งคุณซัน คุณอาย ที่จริงเรามีทางที่มาแก้ไขกัน มาคุยกันในทางทางที่ดีได้” ก่อนจะทิ้งท้ายว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้เพราะกะทันหันมากเหลือเกิน “ป้าพรรณก็เสียใจ ที่มาเสียน้องสาวเรื่องพวกนี้”


บางช่วงคุณป้าศรีพรรณ บอกกับนักข่าวว่า ตนอยากขอความเป็นส่วนตัวเพราะเห็นนักข่าวก็รู้สึกกดดันเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจทุกๆคน



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/fMvDhBtUHmo

คุณอาจสนใจ

Related News