สังคม

เพื่อนบ้านโหด! รุมกระทืบ "สามี-ภรรยา" ฉุนถูกร้องพาหมาขี้หน้าบ้าน

โดย gamonthip_s

28 ธ.ค. 2566

226 views

จ่าคิง สะพานใหม่ พาผู้เสียหาย สองสามีภรรยาแจ้งความร้องทุกข์ที่กองปราบฯ กรณีโดนเพื่อนบ้านรุมกระทืบต่อหน้า ลูก 7 ขวบ จนสลบ และฟันหัก แล้วเตะหัวซ้ำ จนสมองบวม จำความไม่ได้ และคู่กรณียังข่มขู่ จะฆ่าให้ตายทั้งบ้าน อ้างตร.สภ.คลองหลวง ทำอะไรพวกเขาไม่ได้หลอกเพราะเขารู้จักหมด ทุกวันนี้เครียดจนเกือบคิดฆ่าตัวตาย เพราะไม่กล้ากลับเข้าบ้าน ต้องออกมาเช่าโรงแรมอยู่หลายวัน ส่วนปมปัญหาเกิดจากการกระทบกระทั่งกันระหว่างปัญหาเพื่อนบ้าน เรื่องขยะ เรื่องขี้หมา จนบายปลายทะเลาะกันหนักหน่วง


โดยน.ส.เบนซ์ อายุ 41 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กับนายปัน อายุ 50 ปี สามี และลูกชายวัย 7 ขวบ พร้อมกับแม่สามี ซึ่งก่อนหน้านี้ยอมรับว่าครอบครัวตนมีปัญหากับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามในเรื่องขยะหน้าบ้าน



ซึ่งแม่สามีเป็นคนชอบเก็บของเก่ามากองเอาไว้หน้าบ้านขวางถนนประมาณ 1 เลน ตนเองก็พูดอะไรไม่ได้มาก เนื่องจากแม่สามีเป็นคนเก็บ แต่ปัญหากองขยะดังกล่าว ทำให้ตนเริ่มมีปัญหาระหองระแหงกับเพื่อนบ้านอยู่เป็นประจำ ซึ่งเพื่อนบ้านดังกล่าวประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง อาศัยอยู่กันในบ้านประมาณ 9 คน



กระทั่งเวลาล่วงเลยถึงวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ในขณะที่ตนและสามี อยู่ที่บริเวณหน้าบ้านของตน ซึ่งติดกับช่องกลับรถภายในหมู่บ้าน วันนั้นกลุ่มเพื่อนบ้านอยู่กันประมาณ 7 คน ขณะนั้นได้มีหนึ่งในกลุ่มเพื่อนบ้านดังกล่าว เดินเข้ามาใกล้รถยนต์ของตน



ตนจึงเข้าไปเตือนว่า อย่ามาเข้าใกล้รถ เพราะว่าก่อนหน้านั้น หนึ่งในเพื่อนบ้านดังกล่าวเคยมาละลานขูดรถของตนเองไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด เคยแจ้งความไปแล้วแต่คดีก็ไม่คืบอยู่ดี



ทำให้วันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนเองเข้าไปเตือนเพื่อนบ้าน ทำให้มีปากเสียงโต้เถียงกัน แล้วจู่มีชายคนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนบ้านโมโห จอดรถทำทีท่าว่าจะวิ่งไปเอาปืนพร้อมกับขู่ว่าจะยิงให้ตายยกครัว ซึ่งภรรยาของชายคนนั้นก็ได้ห้ามปรามเอาไว้ ต่อมามีผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มดังกล่าว จะเข้ามาทำร้ายร่างกายตน สามีจึงเข้ามาช่วยห้ามปราม ทำให้กลุ่มคนของฝั่งเพื่อนบ้านมาลากตัวสามีไปรุมทำร้ายร่างกายจนสลบในช่องกลับรถข้างบ้าน จนได้รับบาดเจ็บจึงรีบไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล



หลังเกิดเหตุทราบว่าตุ้มหูทองคำพลอยนพเก้าได้หายไป มีราคาประมาณ 15,000 บาท ส่วนอาการบาดเจ็บของสามี แพทย์ระบุว่า มีอาการเลือดคลั่งในสมอง แก้วหูทะลุ ฟันหน้าหัก 2 ซี่ ต้องเดินทางไปพบแพทย์ตลอด หลังเหตุการณ์ตนเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.คลองหลวง  ซึ่งสายตรวจได้ลงพื้นที่มาเก็บพยานหลักฐานไปแล้ว พร้อมกับเรียกตนเองกับสามีให้ปากคำ



แต่ตอนนี้คดีความยังไม่คืบหน้าทุกวันนี้ผู้ก่อเหตุยังก่อกวน แหย่สุนัขของตนให้เห่าดังตอนตี 2 ตนต้องทนทุกข์มาตลอด 4 ปี แจ้งความไปแล้วหลายครั้งในเรื่องเสียงดัง ขูดรถ ปล่อยสุนัข มาสร้างความรำคาญ ขี้เยี่ยวหน้าบ้านตน ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุ เคยอ้างว่า รู้จักกับตร.คลองหลวง



ตนเครียดถึงขั้นเคยคิดจะฆ่าตัวตาย คิดจะขายบ้านหนี แต่ว่าบ้านหลังนี้ก็อยู่มานานกว่า 20 ปีแล้ว ทุกวันนี้ต้องออกมาเช่าโรงแรมอยู่รายวันเพราะกลัวว่ากลับไปจะเจอกับคู่กรณี ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนกังวลและกลัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นนักเลงมีพวกเยอะ ซึ่งขณะที่ทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ทำร้ายตนกับสามีต่อหน้าลูกชาย จึงคิดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่มีจิตสำนึกผิดชอบชั่วดี วันนี้จึงอยากมาร้องสื่อ อยากให้ตำรวจกองปราบช่วยเร่งรัดคดี



ส่วนที่คู่กรณีออกมาโต้กลับว่าไม่เคยทำร้ายร่างกาย และฝ่ายของตนเองเป็นคนเริ่มทำร้ายร่างกายก่อน สองสามีภรรยาคู่นี้ท้าคู่กรณีให้สาบานเลย ถ้าไม่ถูกทำร้ายร่างกายสามีตนเองจะล้มหัวฟาดฟันหักเองหรือ



ด้านนายบดินทร์ และน.ส.นุสรา ฝั่งคู่กรณีของสองสามีภรรยา เปิดเผยว่า ก่อนหน้าวันที่จะเกิดเรื่อง กลุ่มตนประมาณ 4 คน ผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 2 คน เพิ่งกลับมาจากทำงาน แล้วฝั่งผู้ร้องเรียนก็บอกว่ากลุ่มตนเดินไปเฉี่ยวรถยนต์ของเขา ทำให้เขาไม่พอใจ ซึ่งยืนยันว่าขณะนั้นกลุ่มของตนเองไม่ได้เข้าใกล้รถยนต์ของเขาอย่างที่เขากล่าวอ้าง



ขนาดแค่จะเดินผ่านหน้าบ้านเขา กลุ่มตนยังเดินถนนเลนตรงข้ามเลย ต่อมาไม่เกิน 3 วัน เป็นวันที่เกิดเรื่อง ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ตนทราบจากที่กลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ว่า ช่วงบ่ายโมง ขณะที่กลุ่มเพื่อนกำลังจะออกไปทำงาน นายนายปัน ผู้ร้องเรียน ได้เดินถอดเสื้อแล้วมากระโดดขวางหน้ารถ พร้อมกับตะโกนโวยวายว่า พวกมึงมากรีดรถกู ไม่ให้กลุ่มเพื่อนออกไปทำงานได้



จากนั้นก็เกิดการปะทะโต้เถียงกัน ซึ่งตนเองยอมรับว่าพูดจริง ที่บอกว่าเดี๋ยวได้แดกลูกปืน แต่ก็เป็นการพูดโต้เถียงท้าทายกันเพราะฝั่งของผู้ร้องก็พูดว่า กูก็มีเหมือนกัน จึงทำให้มีเรื่องชกต่อยกันตามมา แต่ไม่ใช่เป็นการรุมกระทืบอย่างที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง



ด้านนายบดินทร์ และ น.ส.นุสรา บอกอีกว่า ที่ผ่านมามีปัญหากระทบกระทั่งกับกันมาโดยตลอดแต่ส่วนมากกลุ่มของตนเองจะเป็นฝ่ายเงียบ ส่วนเรื่องกองขยะหน้าบ้านของผู้ร้องเรียน ยอมรับว่าเป็นปัญหาสะสมยาวนาน เนื่องจากมีรถเข้าออกเยอะ ซึ่งกองขยะกับรถยนต์ของผู้ร้องเรียนจอดขวางไปแล้วหนึ่งเลน ทุกคนที่อาศัยอยู่ในซอยดังกล่าวต่างเข้าออกลำบากกันทั้งสิ้น ซึ่งอาจจะมีรถบางคันขับไปเฉี่ยวรถของผู้ร้องเรียนจนเกิดเป็นรอยดังกล่าวก็ได้



เรื่องกองขยะกลุ่มพวกตนไม่เคยเข้าไปคุยหรือต่อว่าแม่ของผู้ร้อง แต่ยอมรับว่า รู้สึกไม่โอเคกับการที่เอากองขยะ ของเก่ามาวางเอาไว้บริเวณหน้าบ้านแบบนี้ ซึ่งทุกบ้านได้รับผลกระทบโดยตรง ดูได้จากบ้านหลังติดกันกับผู้ร้องเรียนที่ประกาศขาย คาดว่าเขาคงจะอยู่ไม่ได้เช่นกัน



ส่วนเรื่องที่ผู้ร้องเรียนอ้างว่ากลุ่มตนปล่อยให้สุนัขออกมาขี้เยี่ยวหน้าบ้านของเขานั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง อาจจะเป็นสุนัขของบ้านอื่นก็ได้ใครจะรู้ ซึ่งเวลาตนเองจะพาสุนัขออกไปนอกบ้านจะมีสายจุ่มไปด้วยและมีถุงสำหรับเก็บขี้หมาตลอด ถามคนอื่นในหมู่บ้านได้เลย



ส่วนเรื่องที่เขาอ้างว่ากลุ่มพวกตนไปแหย่สุนัขให้เห่าเสียงดังในตอนเวลากลางคืนนั้น ใครจะแหย่สุนัขตนเองให้เห่าเสียงดัง ที่สุนัขเห่าเป็นเพราะว่าพวกตนเลิกงานดึก มันคิดถึงเจ้าของมันก็เลยเห่าแค่นั้นเอง


สุดท้ายเรื่องที่ผู้ร้องเรียนอ้างว่ากลุ่มตนรู้จักกับตำรวจ สภ.คลองหลวงนั้น เป็นผู้มีอิทธิพล ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไปพูดให้ข่าวแบบนี้ตนเองและตำรวจก็เสียหาย ใครจะรับผิดชอบส่วนที่ท้าสาบานตนเองพร้อมรับคำท้า แล้วมาดูกันว่าใครพูดจริงใครโกหก

คุณอาจสนใจ

Related News