สังคม

หนุ่มหัวร้อน! ซิ่ง "BMW" ไล่ชนเก๋งกลางดึก คู่กรณีกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ครอบครัวอ้างป่วยจิต

โดย gamonthip_s

3 พ.ย. 2566

601 views

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายวรภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อเช้ามืดวันนี้เวลา 04.20 น. ตนขับรถออกมาจากเส้นแยก อตก. มีรถบีเอ็มขับตามมา ตนกำลังจะไปทำบุญที่วัด มีรถขับตามมา และเปิดไฟสูงใส่บนสะพาน ตนจึงขับรถหลบทางซ้ายให้ แต่รถของผู้ก่อเหตุขับจี้ตูดตามมา และบี้ไล่ตนมาเรื่อย ๆ ตนจึงรีบโทรหาเบอร์ 191 เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ



แต่ตนก็ยังถูกขับรถตามอยู่เรื่อย ๆ ตนจึงตัดสินใจมุ่งหน้าจะขับรถไปที่โรงพักเพื่อจะไปแจ้งความ แต่รถของผู้ก่อเหตุขับประกบกันมาตลอด จนถึงบนสะพาน ผู้ก่อเหตุได้ขับรถบี้ และเบียดตนไปถึงเลนซ้ายสุด ตนจึงถอยรถออกมา แต่ผู้ก่อเหตุกลับลำรถ และขับรถพุ่งชนหน้ารถของตนเต็ม ๆ และผู้ก่อเหตุได้ลงมาจากรถ ถือบุหรี่ในมือ และเอามืออีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ ตอนนั้นรู้สึกกลัวมากได้หักรถเบี่ยงขวาหนีออกมาแต่ผู้ก่อเหตุก็ขึ้นไปที่รถตัวเอง และขับรถชนตูดรถตนอีกครั้ง ก่อนที่ตนจะขับหนีออกมาได้



ซึ่งหลังจากเกิดเหตุรถของผู้ก่อเหตุได้จอดคาไว้ที่บนสะพานตนคาดว่ารถอาจจะพังและขับต่อไปไม่ได้ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูพบว่าทะเบียนรถเขาไม่อยู่แล้ว และตัวผู้ก่อเหตุได้เรียกแท๊กซี่นั่งกลับบ้าน และให้แม่ผู้ก่อเหตุมาดูรถที่เกิดเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุที่ตนได้ทราบเบื้องต้นว่ามีอายุ 36 ปี หลังจากเกิดเหตุตนได้ติดต่อไปทางผู้ก่อเหตุ แต่ติดต่อผ่านทางแม่ของผู้ก่อเหตุเจ้าตัวเขาไม่ยอมออกมาคุย เพราะตอนที่เกิดเหตุตนก็ไม่ได้พูดคุยกับเขาและไม่มีการด่าทอกัน ตนไม่ทราบว่าเขามีอาวุธหรือไม่แต่มืออีกข้างเขาควักเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ตนกลัวจึงรีบหนีไป



ตนเองไม่ทราบสาเหตุว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากอะไรเพราะตนได้ย้อนดูกล้องหมดแล้วก็ไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร และตนไม่เคยรู้จักหรือเคยเจอกับผู้ก่อเหตุมาก่อน



รถตนได้รับความเสียหายที่บริเวณด้านหน้ารถ และด้านหลังรถ และพบแม็กรถได้รับความเสียหาย ตนจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวเขามาดำเนินคดี และตนรู้สึกน้อยใจตำรวจ 191 ที่ตอนเกิดเหตุตนได้รีบโทรไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บยังไม่มีใครได้รับความเสียหายจึงยังไม่สามารถมาดูเหตุให้ได้ ตนอยากจะร้องไห้เพราะจุกกับคำพูดของตำรวจ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของแฟนที่นั่งมาด้วย



โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งว่าเชิญตัวผู้ก่อเหตุมาตรวจสารเสพติดปรากฏว่าพบสารเสพติดในร่างกาย



ตนอยากจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุดเพราะเขาจะได้ไม่ทำแบบนี้กับใครอีก ตนเองเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะเขาขับตามมาถึงเกือบหน้าบ้าน ตนจึงอยากปกป้องสิทธิของตนเองไว้ เพื่อความปลอดภัยไม่ให้เหตุเกิดซ้ำ


ต่อมาทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์โฟนอินพูดคุยกับคุณเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ในด้านของคดีอาญาต้องดูว่า ในขณะกระทำความผิด มีสติในการรู้หรือการกระทำของตนเองหรือไม่ ถ้าหากว่าในขณะที่กระทำความผิด ไม่สามารถสำนึกรู้ตัวเองได้ว่ากระทำการอะไรไป จึงต้องดูว่าเหตุที่ไม่สามารถสำนึกรู้ตัวเองได้ว่าทำอะไรไปเกิดจากการเจ็บป่วยทางด้านสมอง ทางสภาวะจิตใจ หรือเหตุของการที่คุณทำขึ้นเองเช่นเสพสารเสพติด การดื่มเหล้า ทำให้เกิดการขาดสติมึนเมา ประสาทหลอน อันนี้ถือว่าคุณต้องรับผิดตามกฎหมาย



แต่ถ้าเกิดจากสภาวะที่คุณเจ็บป่วยอยู่แล้วเกิดจากสภาพจิตใจ เกิดจากอาการซึมเศร้า หรือเกิดจากอุบัติเหตุที่มีประวัติการรักษาอันนี้ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่ง



ซึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นมีการพบสารเสพติดในร่างกาย ในฐานะที่ตนเองเป็นทนายความมา 20 ปี ไม่เคยเจอว่าผู้ป่วยจิตเวชเสพสารเสพติด เคยเจอแต่เสพสารเสพติดแล้วไปทำร้ายผู้อื่น



ด้าน พ.ต.อ.นภธร วาชัยยุง ผกก.สพ.บางศรีเมืองให้ข้อมูลกับทีมข่าวฟังว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุช่วง 11 โมงเช้า ซึ่งผู้ก่อเหตุไม่มีอาการมึนเมาใด ๆ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสารเสพติด เบื้องต้นพบว่าผลเป็นบวก จึงส่งพิสูจน์หลักฐานทางโรงพยาบาล เพื่อรอผลว่าเป็นสารเสพติดชนิดใด แล้วถึงจะเรียกตัวผู้ก่อเหตุเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งนึง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ หากทางโรงพยาบาลส่งผลตรวจส่ามีการเสพจริง พร้อมดำเนินคดี

คุณอาจสนใจ