สังคม

เหยื่อถูกหนุ่มหลอกให้รักเข้าแจ้งความกองปราบ หลังสูญเงินรวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท

โดย onjira_n

3 ก.ค. 2566

468 views

เช้านี้ที่ศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทนายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พา น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี น.ส.ซี (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบ หลังถูกนายจิรากร  หรือใช้ชื่อปลอมว่า เต้ อาคม  อายุ 39 ปี เข้ามาตีสนิท และหลอกคบหาเป็นแฟน ก่อนหลอกให้ช่วยเช่าซื้อรถเก๋ง รถกระบะ รถจยย.ป้ายแดง คนละ 5-6 คัน โดยอ้างว่าทำธุรกิจปล่อยเช่ารถก่อนจะเชิดรถหลบหนีไป ทำให้ผู้เสียหายถูกไฟแนนซ์รถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย คนละ 5-6 ล้านบาท มีผู้เสียหายเป็นหญิงสาว 19 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท



โดย น.ส.เอ หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนขายสินค้าทางออนไลน์อยู่ กทม. กระทั่งปลายปี 2564 ตนเดินทางกลับบ้านที่บึงกาฬ จึงได้เข้าไปเล่นแอปพลิเคชันหนึ่งเกี่ยวกับการเดินทางทางเดียวกัน ก็ได้พบกับนายจิรากรที่ทักเข้ามาหาว่าจะไป จ.บึงกาฬ เพื่อไปเที่ยวพอดี ตอนนั้นใช้ชื่อปลอมว่า นายเต้ หรือนายอาคม  จึงได้นัดเจอกันในเดือนมกราคม 2565 หลังจากนั้นนายจิรากรได้ขับรถเก๋งป้ายแดงมารับ ตอนแรกที่เจอก็รู้สึกว่าเขาแต่งตัวภูมิฐาน พูดจาดี จึงขึ้นรถไปด้วยกันจนถึง จ.บึงกาฬ



เมื่อมาถึงตนจะช่วยออกเงินค่าน้ำมันรถ แต่นายจิรากรบอกว่าไม่เป็นไรและให้ช่วยพาเที่ยว หลังจากนั้นจึงมีการแลกเบอร์โทรศัพท์กัน ซึ่งต่อมานายจิรากรได้โทรศัพท์มาจีบตนจนคบหาเป็นแฟน และบอกให้ตนย้ายไปทำงานกับเขาที่ จ.ขอนแก่น เพราะเขาเปิดบริษัทให้เช่ารถยนต์อยู่ที่นั้น ด้วยความที่รัก จึงได้ยอมย้ายไปอยู่กินด้วยกัน แต่หลังจากนั้น 3 เดือน นายจิรากรได้มาขอให้ตนช่วยทำเรื่องซื้อรถเก๋ง รถกระบะ รถจยย.ป้ายแดง รวมจำนวน 6 คัน ยอดเงินกว่า 5 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำไปปล่อยเช่า แต่เขาไม่สามารถซื้อรถเป็นชื่อของตัวเองได้ เพราะเพิ่งซื้อรถไปยังไม่ครบ 6 เดือน จึงต้องให้ตนเป็นคนซื้อให้



นอกจากนี้ยังยืมเงินตนไปอีก 895,000 บาท อ้างว่าไปจ่ายค่าลูกน้อง กระทั่งผ่านไปได้ประมาณ 3 เดือน ทางไฟแนนซ์รถได้โทรมาทวงค่างวดรถที่ตนเป็นคนเช่าซื้อทุกคันว่า ไม่ได้มีการส่งค่างวดรถเข้ามาเลย ตนจึงได้ถามนายจิรากรว่า ทำไม่ถึงไม่ส่งค่างวดรถ เขาบอกแค่ว่ายังเก็บเงินลูกค้าไม่ได้ จากนั้นก็หายตัวไป อ้างว่าถูกเพื่อนโกงบ้าง ถูกหลอกลงทุนบ้าง เข้าเวรทำงานบ้าง จนกระทั่งไม่สามารถติดต่อได้อีก รวมค่าเสียหายมากกว่า 5.8 ล้านบาท



ด้าน น.ส.ซี ระบุว่า กล่าวว่า ตนทำงานรับจ้างอยู่ที่ จ.ขอนแก่น นายจิรากร ซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่าเต้ อาคม เช่นเดียวกัน ได้ทักเข้ามาหาจ้างไปทำงานให้ หลังจากนั้นก็พูดคุยเหมือนจีบตน โดยบอกว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ส. นอกเครื่องแบบและประกอบธุรกิจส่วนตัวปล่อยรถให้เช่า แต่เพื่อนที่ร่วมลงทุนถอนตัวไป จึงอยากให้ตนมารวมลงทุนด้วย ตอนแรกก็ขอยืมเงินไปใช้จ่ายทำธุรกิจอ้างว่าค่าลูกน้อง ค่าทำรถซ่อมรถ ตนก็โอนไปให้ตลอดเป็นเงินกว่า 2.5 ล้านบาท จนไม่มีเงิน นายจิรากรบอกว่าให้ช่วยซื้อรถให้หน่อยจะเอาไปปล่อยเช่าทั้งรถยนต์ 4 คัน กับรถจยย.ป้ายแดง 1 คัน รวม 5 คัน กว่า 4.3 ล้าน รวมเงินที่เสียหายกับผู้ต้องหากว่า 6.8 ล้านบาท



ทางฝั่งของ น.ส.บี อายุ 32 กล่าวว่า ตนถูกหลอกแบบเดียวกันกับ น.ส.เอ ซึ่งตนทำงานอยู่ที่จ.เพชรบูรณ์ โดยนายจิรากรเข้ามาตีสนิททางเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อบัญชีปลอมว่าเป็นชื่อ Panman Anpanman ทำทีเข้ามาจีบตน โดยบอกกับตนว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่พยาบาลห้องฉุกเฉิน รพ.ตำรวจ หลังจากพูดคุยจนสนิทสนมแล้ว นายจิรากรบอกว่า ตนทำธุรกิจปล่อยเช่ารถให้กับลูกค้า แต่ขาดเงินหมุนเวียน เพราะเพื่อนที่ร่วมทำด้วยกันได้ถอนหุ้นไป อยากให้ตนช่วยร่วมลงทุน แต่ตนไม่มีเงินมากขนาดนั้น นายจิรากรจึงบอกว่าไม่ต้องลงเงินก็ได้แค่ช่วยไปซื้อรถเป็นชื่อตนมาให้กับเขา เพื่อปล่อยเช่าก็พอ



หลังจากน้ั้นนายจิรากรก็พาไปที่โชว์รูมขายรถ โดยให้ตนซื้อรถยนต์ 3 คัน รถจยย.ป้ายแดง 2 คัน และบิ๊กไบท์ 1 คัน รวม 6 คัน รวมมูลค่าความเสียหาย 5 ล้านบาท พอนายจิรากรได้รถไปแล้วก็หายเงียบไป อ้างว่าถูกเพื่อนโกง รถชน ติดงาน ไปบวชเป็นพระ จนสุดท้าย ตนไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย



นอกจากนี้ น.ส.ซี ยังบอกอีกว่า ถูกผู้ต้องหาเอารถพ่อของตนไป อ้างว่าไปใช้ ซึ่งตนก็ยินยอม สุดท้ายไม่เอามาคืน รถพ่อก็ยังผ่อนไม่หมด ครอบครัวต้องมาเดือดร้อนและเจอปัญหาแบบนี้ ทำให้คนในครอบครัวเสียใจ ตนรู้สึกว่าผู้ต้องหาใจร้ายเกินไป เขาไม่คิดเลยว่าแต่ละคนต้องเจอเรื่องอะไรบ้างโดยเฉพาะการตามใช้หนี้ อย่างน้อยเอารถมาคืนก็ยังดี



ในขณะที่ทนายรณณรงค์กล่าวว่า ชายคนนี้มาตีสนิทเหยื่อด้วยความรัก หลอกเอาเงินกู้และซื้อรถ แล้วหนีไปเกือบ 20 กว่าราย มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2564 เหยื่อส่วนใหญ่มักจะเป็นพยาบาล บางรายโดนไปกว่า 8-9 ล้านบาท



ผู้เสียหายบางราย เมื่อครอบครัวทราบเรื่องว่าลูกสาวถูกหลอก ถึงขั้นแม่ต้องผูกคอตาย เพราะตรอมใจ ไม่รู้จะหาเงินจากไหนมาช่วยใช้หนี้ให้ลูกสาว ส่วนลูกสาวกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนคิดสั้นจะฆ่าตัวตายตาม



เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายจังหวัด หลายท้องที่ อยากให้กองปราบปรามรวบรวมรับทำคดีและขอความเป็นธรรม อีกทั้งอยากให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกระเบียบการแจ้งความฉ้อโกงง่ายขึ้น ไม่ใช่เห็นว่าเป็นเรื่องของผัวเมียแล้วไม่รับทำคดี เนื่องจากหลังเกิดเรื่อง มีผู้เสียหายบางรายเข้าแจ้งความ แต่ทางตำรวจบางท้องที่ไม่รับแจ้ง อ้างว่าเป็นเรื่องสามีภรรยาและเป็นความสมัครใจของผู้เสียหายเองที่ให้ด้วยความเสน่หา จึงอยากให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติแก้ระเบียบเรื่องนี้ ไม่ใช่เห็นว่าเป็นคดีในครอบครัวจึงไม่รับแจ้ง



ส่วนตัวผู้ต้องหา ทาง น.ส.เอ และ น.ส.ซี ได้แจ้งความกับตำรวจขอนแก่น แล้วถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และก็ได้รับการประกันตัวในชั้นศาล จึงอยากให้กองปราบปรามรับทำคดีนี้โดยเร็วเพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย เบื้องต้นแจ้งความในข้อหายักยอกทรัพย์และฉ้อโกง รวมทั้งฝากทิ้งท้ายถึงประชาชนว่าหากไม่จำเป็นอย่าไปออกรถให้ใครและอย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ

คุณอาจสนใจ