สังคม

สาวสุดช้ำ! หนุ่มตีสนิท-หลอกให้รัก ออกอุบายยืมรถก่อนชิ่งหนี ซ้ำโทรบอก "เอารถไปขายแล้ว"

โดย paweena_c

14 ธ.ค. 2565

702 views

สาวสุดช้ำใจ ถูกเพื่อนบ้านที่อยู่ในอำเภอเดียวกันรู้จักกันทางเฟซบุ๊ก ทำทีเข้ามาตีสนิทช่วยทำงานขายของ ออกอุบายว่าจะเอารถกระบะของผู้เสียหายไปเปลี่ยนล้อแม็กให้จากนั้นก็ไม่เอารถมาคืน ชิ่งหนี หนำซ้ำยังโทรมาบอกอีกว่าเอารถไปขายแล้ว


นางสาวศิวพร อายุ 46 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า ได้รู้จักกับนายวีรยุทธ ปักษี อายุ 49 ปี ได้เข้ามาตีสนิทกับเธอ ไปมาหาสู่ กันและไปช่วยเธอขายของที่โรงเรียน จนรู้จักมักคุ้นกันดี จนสามารถยืมรถกระบะ ของฝ่ายหญิงไปใช้ได้


แต่ในวันที่เกิดเหตุ 30 พ.ย.65 นายวีรยุทธ ได้เข้ามาบอกว่าจะมาเอารถกระบะไปเปลี่ยนล้อแม็กให้ ช่วงที่นายวีรยุทธ จะมาขอยืมรถกระบะ นั้นนายวีรยุทธ บอกให้เธอถ่ายรูปรถทั้งคัน เธอจึงสงสัยว่าแค่จะนำรถไปติดล้อแม็ก ทำไมต้องถ่ายรูปรถด้วย ซึ่งตอนนั้นได้แค่สงสัย


จากนั้นนายวีรยุทธ ก็เอารถไป และนายวีรยุทธ ก็บอกว่าตอนนี้ติดฝน เดี๋ยวจะนำรถมาคืนให้ หลังจากนั้น นางสาวศิวพร ก็โทรศัทพ์ไปหารอบที่สอง นายวีรยุทธ บอกว่าอยู่ลำปาง ช่วงประมาณ 24.00 น.เธอเผลอหลับไป และก็สดุ้งตื่น และคิดว่านายวีรยุทธ จะนำรถมาคืนแล้ว แต่พอออกมาดูรถก็ยังไม่เห็น จึงโทรศัพท์กลับไปแต่ติดต่อนายวีรยุทธ ไม่ได้


พอเช้าวันที่ 1 ธันวาคม จึงนำหลักฐานไปแจ้งความ ที่สภ.บางเลน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจก็ถามเธอว่ามีหลักฐานอะไร ที่บ่งบอกว่านายวีรยุทธ ขโมยรถ เพราะว่าศิวพร เป็นคนให้กุญแจรถกับนายวีรยุทธ ไปเอง


และตำรวจก็บอกอีกว่า ระวังจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดขโมยรถด้วย ทำให้เธอเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ คงจะช่วยอะไรเธอไม่ได้แน่นอน จึงโพสต์ขอความช่วยเหลือ เพราะอยากได้รถกระบะคืน เพราะต้องใช้ทำมาหากิน อีกทั้งรถคันนี้ยังผ่อนอยู่ เพิ่งผ่อนไปแค่ปีกว่า ๆ เอง


ต่อมา วันที่ 3 ธ.ค.เธอได้รับข้อความจากนายวีรยุทธ ว่าได้นำรถของเธอไปขายเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นก็นำหลักฐานไปแจ้งความที่ สภ.บางเลนอีกครั้ง ตำรวจก็ไม่รับแจ้งความเหมือนเดิม


ด้านนายสยาม เนตรแก้ว อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายอีก 1 คน บอกว่า เมื่อช่วงปี 2563 ตนเองประสบปัญหาโควิดไม่มีงานและไม่มีเงิน จึงสอบถามนายวีรยุทธ สามารถนำรถกระบะไปจำนำได้หรือไม่ เพราะต้องการใชเงินประมาณ 10,000 บาท


หลังจากนั้นนายวีรยุทธติดต่อเพื่อนที่รู้จักกัน แล้วเอารถกระบะของตน ไปจำนำ และได้เงินมา 10,000 บาท และมีการเซ็นสัญญากันอย่างถูกต้อง ต่อมา ตนพร้อมที่จะเอาเงินไปคืน เพื่อจะเอารถกระบะที่ไปจำนำไว้ออกมา จึงสอบถามนายวีรยุทธว่า เงินต้น เงินดอกต้องจ่ายจำนวนเท่าไหร่ นายวีรยุทธ บอกว่าต้องจ่าย 30,000 บาท ทั้งต้นและดอก


หลังจากนั้น ก็มารู้ความจริงจากเพื่อนของตนเองว่า รถกระบะถูกนำไปขายแล้ว หลังจากนั้นไปแจ้งความ สุดท้ายตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ


ต่อมาทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ลงพื้นที่ตามหานายวีรยุทธ ที่ตลาดรางกระทุ่ม ตำบลบางภาษี อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เนื่องจากผู้เสียหายให้เบาะแสว่า นายวีรยุทธอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อใกล้ตลาดรางกระทุ่ม ซึ่งคุณพ่อของนายวีรยุทธเป็นผู้มีอิทธิพลปล่อยเงินกู้นอกระบบ ไม่มีใครกล้าให้ข้อมูล


หลังจากนั้นทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ตามหาบ้านของนายวีรยุทธ สัมภาษณ์ตาบุญช่วย อายุ 83 ปี พ่อบุญธรรม เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า มีบุตรบุญธรรม 3 คน ผู้หญิงสอง ชายหนึ่ง บุตรชายชื่อนายกุ้ง ซึ่งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งนายกุ้งเอง ตั้งแต่เล็กจนโตก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี เลี้ยงมาไม่เคยให้ลำบาก


ซึ่งนายกุ้งเองจะพักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกอีกสามคน เวลาทะเลาะกับภรรยาก็จะหนีออกจากบ้านเป็นประจำซึ่งล่าสุดได้ขอเงินตนเองไป 60,000 บาท หลังจากนั้นหนีออกจากบ้านไปรวมหกเดือนแล้ว โดยนิสัยของนายกุ้งเวลานายกุ้งมีเงินก็จะไปเลี้ยงผู้หญิง ทั้ง ๆ ที่มีเมียมีลูกอยู่แล้ว 3 คน


หลังจากมารู้ว่าไปหลอกเอารถผู้หญิงไป ส่วนตัวตนเองมองว่าลูกชายคงไม่ได้ไปหลอก เนื่องจากลูกชายมีเงินออกจากบ้านไป และกุญแจรถไม่มีใครเขาให้กันง่าย ๆ และบอกว่านายกุ้งจะเอารถไปเปลี่ยนล้อ ซึ่งเปลี่ยนล้อครั้งหนึ่งไม่ใช่บาทสองบาท เปลี่ยนทีก็หลายหมื่นบาท อาจมีอะไรลึกซึ้งมากกว่านั้น


ซึ่งฝ่ายผู้เสียหายขายของอยู่หน้าโรงเรียน ได้มีการข่มขู่ลูกชายของนายกุ้งซึ่งเป็นหลานชายของตนเองอายุ 10 ขวบบอกว่าหากมาโรงเรียนจะถูกทำร้ายซึ่งหลานชายของตนเองได้หยุดเรียนมาสามถึงสี่วันแล้วและวันนี้เป็นวันแรกที่ไปโรงเรียน


คุณอาจสนใจ