สังคม
คณบดีคณะเภสัชฯ แจงยังไม่ตัดสิทธิ์ 'นร.สาว' ฉี่มีสารยาบ้า ชี้ตรวจครั้งแรกไม่ผ่าน ตรวจซ้ำอีกครั้งได้
โดย nattachat_c
29 พ.ค. 2566
403 views
จากกรณี นางสาวนันท์นภัส ไชยทะเศรษฐ อายุ 45 ปี ม.6 อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ร้องผ่านสื่ออยากให้เป็นตัวกลาง ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว ยี่ห้อดัง
หลังจาก นางสาวอามานา มุภาษา อายุ 19 ปี ลูกสาวของตัวเองทานเข้าไป 1 เม็ด ก่อนจะเดินทางไปตรวจร่างกาย เพื่อเอาผลไปแนบประกอบในการมอบตัว เพื่อเรียนคณะเภสัช มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ ล
แต่ปรากฏว่า แพทย์พบสาร 'เมทแอมเฟตามีน' ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันในยาบ้าอยู่ในปัสสาวะ ทำให้แพทย์ไม่กล้าออกใบรับรองแพทย์ให้
ความคืบหน้า วานนี้ (28 พ.ค. 66) ตัวแทนบริษัทอาหารเสริม ได้โทรศัพท์ติดต่อมาหานางสาวนันท์นภัส โดยตัวแทนบริษัทพยายามอธิบายถึงที่มาที่ไปของผลิตภัณฑ์ ว่าผลิตมาได้ผลิตจำหน่ายมานานกว่า 1 ปี เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมทั่วไป
ตัวแทนบริษัทคุยกับแม่เด็กว่า เท่าที่ทราบสาร 'แอมเฟตามีน' มีราคาสูงกิโลกรัมละเป็นล้านบาท บริษัทไม่นำมาผสมในผลิตภัณฑ์อย่างแน่นอน หากพบสารฯในตัวผลิตภัณฑ์จริง น่าจะเป็นของปลอมที่มีการลอกเลียนแบบขึ้นมา บางรายกินอาหารเสริมยี่ห้ออื่นที่เป็นของปลอม ถึงกับชีวิตมาแล้ว ทั้งนี้ทางบริษัทพร้อมให้คำแนะนำหรือหาแนวทางช่วยเหลือลูกสาวที่จะไปมอบตัวเรียนต่อ
นางสาวนันท์นภัส กล่าวว่า เท่าที่ประสานติดต่อกับผู้ขาย มีการโทรศัพท์คุยกันหลายขั้นตอน รวมถึงบริษัทผู้ผลิตเอง ได้ยืนยันมาก่อนหน้านี้แล้วว่า 'เป็นของจริง' ส่วนลูกสาวไม่ได้กินยาชนิดอื่น หรืออาหารเสริมอื่นมาก่อน กินอาหารเสริมชนิดนี้เพียงเม็ดเดียวตอนกลางคืน ก่อนจะไปตรวจร่างกายในเช้าวันถัดมา
กรณีที่ตัวแทนบริษัทอ้างว่า 'แอมเฟตามีน' มีราคาสูงกิโลกรัมเป็นล้านบาท ทำไมคนผลิตของปลอม ตามที่ตัวแทนบริษัทกล่าวอ้าง จึงกล้าซื้อมาผสมแล้วขายถูกกว่า
ยอมรับว่าตอนนี้ยังกังวนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเข้าไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย เอาไว้แล้วโดยจะทำทุกอย่างเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของลูก ว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะก่อนหน้านี้ไปตรวจร่างกายเพื่อส่งเอกสารไปยังมหาวิทยาลัยแล้ว 3 ครั้ง ไม่เคยเจอสารนี้ ก่อนจะมากินเม็ดเดียวดังกล่าว
ขณะที่ น.ส จิรณัฏฐา วุฒิยา อายุ 24 ปี พนักงานอาหาร และเป็นเพื่อนร่วมงานของว่าที่นักศึกษาเภสัช กล่าวว่า น้องมาสมัครทำงานกับทางร้านเพื่อหารายได้พิเศษ เท่าที่เห็นไม่เชื่อว่าน้องจะไปเสพยาบ้า หรือยาเสพติดอื่น เพราะไม่มีอาการเหมือนที่เคยเห็นคนติดยามา ตรงกันข้ามน้องเป็นคนขยัน ช่วยทำงานดี ประกอบกับพ่อแม่จะมารับส่งทุกวัน โอกาสที่น้องจะไปเสพยาดูแล้วแทบจะตีเป็นศูนย์ หลังทราบข่าวรู้สึกตกใจมาก
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ,กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค ,สาธารณสุขอำเภอประโคนชัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าไปร่วมกันตรวจสอบอาหารเสริมผิวขาว ยี่ห้อดัง
เบื้องต้น สาธารณสุขจะนำผลิตภัณฑ์ที่เหลือ พร้อมปัสสาวะของน้อง ส่งตรวจไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เขต9 นครราชสีมา ไปตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะต้องรอผลก่อนจึงจะสามารถสรุปได้ไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์
----------------
วานนี้ (วันที่ 28 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ผศ.ดร.นรินทร์ จันทร์ศรี คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ชี้แจ้งถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า “ตามที่มีข่าวปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อโชเชียลใน วันนี้ (28 มิถุนายน พ.ศ.2566) ว่ามีนักเรียนชั้น ม.6 สอบติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ผลการตรวจร่างกายพบสารต้องห้าม จึงถูกตัดสิทธิเข้าศึกษานั้น
ทางคณะขอชี้แจงให้ทุกท่านได้ทราบว่า ตามกำหนดการสอบสัมภาษณ์ TCAS 3 ซึ่งคณะเภสัชศาสตร์ได้กำหนดเป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 และได้ให้นักเรียนที่มีสิทธิสอบสัมภาษณ์ยื่นผลการตรวจร่างกายในวันสอบด้วย
ซึ่งทางคณะยังไม่ได้ดำเนินการสัมภาษณ์หรือตัดสิทธิผู้เข้าสอบคนใดทั้งสิ้น เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่กำหนด และยังไม่ปรากฏผู้มีสิทธิเข้าสอบหรือผู้ปกครองท่านใด ที่มาขอหารือเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด” ผศ.ดร.นรินทร์ระบุ
โพสต์ดังกล่าวยังระบุอีกว่า “อย่างไรก็ตาม ในการสอบสัมภาษณ์ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถ้าปรากฏว่ามีผู้เข้าสอบที่ผลการตรวจร่างกายไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ทางคณะจะขอให้ไปตรวจร่างกายซ้ำเพื่อยืนยันผลที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ต่อไป โดยไม่ได้ตัดสิทธิการเข้าเรียนทันที
----------
อาจารย์อ๊อด รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จำพวกกลูต้าไทโอน ทำให้ร่างกายไม่ผลิตเม็ดสี
โดยสูตรเคมี เป็นคนละตัวกับ เมทเอมแฟตตามีน ที่อยู่ในยาบ้า โดยกลูตาไทโอน เป็นอะมิโนแออซิตโดยมีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ แต่โครงสร้างเป็นคนละอย่างกันกับยาบ้า เปรียบเทียบ ความต่าง ราวกับมะม่วงกับแอปเปิ้ล
การตรวจเจอยาบ้าในยา แสดงว่า
1. ผู้ประกอบการแอบใส่สารลงไปในยา หากทำจริง ถือว่าโทษหนัก
2.หรือผู้บริโภคโกหก ว่าไม่ได้เสพยา
อยากให้ส่งกระปุกมาตรวจ หรือ ตรวจปัสสาวะผู้ที่บริโภคอีกครั้ง เชื่อว่ามีคำตอบแน่นอน
----------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/bsiqabpzY9k