DES แถลง คืบหน้ากลุ่ม 9 near ตอนนี้ทราบตัวบุคคลแล้ว ตำรวจเตรียมจับกุม

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) เปิดแถลงข่าว กรณี ‘กลุ่ม 9 near’ ที่ออกมาประกาศว่ามีฐานข้อมูลคนไทย พร้อมเผยแพร่ 55 ล้านรายชื่อ

โดยวันนี้ นายชัยวุฒิ ระบุ ตั้งแต่มีข้อมูล ทางกระทรวงฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน ร่วมประชุมหารือ ให้ดำเนินตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งในการหารือ ตอนนี้ยอมรับว่า มีบางหน่วยงานของรัฐ ที่มีช่องโหว่ในการลงทะเบียนข้อมูล ที่ทำให้กลุ่มคนร้ายสามารถเจาะข้อมูลได้ หลังจากนี้จะได้มีการกำหนดขอบเขต การลงทะเบียนต่างๆของหน่วยงานเพื่อไม่ให้มีการเรียกขอข้อมูลจากประชาชนมากเกินความจำเป็นและให้เป็นไปตาม พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล



ส่วนกรณี กลุ่ม 9 near ขณะนี้ในทางการสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีข้อมูล เบื้องต้นแล้วว่า เป็นขบวนการใดซึ่งพบว่ายังไม่มีการข่มขู่เพื่อเรียกร้องเงินแต่เป็นลักษณะการ ใช้ผลประโยชน์เพื่อการทำลายชื่อเสียงมากกว่า ยังยืนยันว่าข้อมูลที่รั่วไหลไม่ใช่ ฐาน ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของคนไทยจากกระทรวงมหาดไทยแน่นอน เพราะมีระบบป้องกันด้านความปลอดภัย ที่แน่นหนา แต่เป็นกลุ่มข้อมูลที่เพิ่งมีการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนในช่วงที่ผ่านมา



ทั้งนี้จะเร่งให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการจับกุมคนร้ายซึ่งเป็นคนไทย และแถลงความคืบหน้าให้ประชาชนทราบโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากมีการจับกุมขบวนการได้แล้ว ทางกระทรวงดิจิทัลฯ จะเข้าเก็บข้อมูลที่กลุ่มคนร้ายมีเพื่อไม่ให้นำไปเผยแพร่หรือรั่วไหลได้อีก



ส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ทำให้ข้อมูลรั่วไหลจะมีการดำเนินคดีตาม พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ ซึ่ง ในการหารือวันนี้ก็มีบางหน่วยงานที่มีความกังวลและ คาดคะเนว่าข้อมูลอาจจะรั่วไหลจากระบบของตนซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน



แม้ว่าล่าสุดทางกลุ่ม 9 near’ ประกาศยกเลิกเผยแพร่ข้อมูลคนไทย 55 ล้านคน แต่การดำเนินการจับกุมยังคงต้องทำต่อเพราะถือว่าได้กระทำความผิดสมบูรณ์แล้ว




นายชัยวุฒิ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ยังกังวลใน คือการขอข้อมูลส่วนบุคคลในภาคเอกชนเช่น ธนาคาร สถานเสริมความงาม สปา คลินิกต่างๆ หลายหน่วยงานยังไม่มีระบบการป้องกันความปลอดภัยที่เพียงพอ จึงจำเป็น ที่จะต้องมีการพิจารณา กฎเกณฑ์ ในการขอข้อมูลประชาชนเพื่อการลงทะเบียนต่างๆ ไม่ให้เป็น ข้อมูลเชิงลึกหรือข้อมูลอ่อนไหว พร้อมแนะประชาชน เปลี่ยนมาใช้บริการแอพพลิเคชั่นบัตรประชาชนดิจิตอล หรือ ThaID ที่ มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับในยุคดิจิตอล และมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ที่ขณะนี้มีผู้ใช้งานจำนวนมากแล้ว



ขณะที่วันนี้ ทาง สภาผู้บริโภคได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งใช้ศักยภาพจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีของรัฐให้เต็มกำลังในการปกป้องข้อมูลประชาชนจากการโดนขโมยข้อมูล ไม่ว่าเป็นการแฮกข้อมูลจากมิจฉาชีพเพื่อการเรียกค่าไถ่ หรือจากบุคคลใด ๆ ที่นำข้อมูลไปใช้เพื่อประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อสาธารณะ



พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลตั้งหน่วยงานพิเศษเฉพาะกิจเพื่อปราบปรามมิจฉาชีพที่เรียกค่าไถ่ และสืบค้นบุคลากรของรัฐที่ปล่อยข้อมูลลับรั่วไหลนี้มาลงโทษ รวมทั้งเปิดเผยข้อเท็จจริงของความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยด่วน พร้อมทั้งเสนอแนะให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในยุคดิจิทัลเป็นวาระแห่งชาติ