นำ 11 ศพ รถตู้ไฟไหม้ส่งนิติเวช ตรวจดีเอ็นเอ

เมื่อเวลา 12.50 น. รถกู้ภัยของมูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา (กู้ภัยฮุก 31) จำนวน 5 คัน ได้เคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต 11 ราย จากเหตุการณ์รถตู้โดยสารอำนาจเจริญ-กรุงเทพฯ เสียหลักพลิกคว่ำจนเกิดเพลิงไหม้ ช่วงเกาะกลางถนนมิตรภาพ ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ พื้นที่บ้านมอจะบก ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา มาถึงที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โดยเดินทางออกมาจากโรงพยาบาลสีคิ้วตั้งแต่ช่วงประมาณ 9 โมงเช้าที่ผ่านมา



โดยรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 11 ราย ได้แก่ นายวันชัย  (คนขับรถ) / นางอุทัย  (นั่งข้างคนขับ) / เด็กชายกฤติเดช  อายุ 6 ขวบ (นั่งข้างคนขับและเป็นหลานของนางอุทัย) / นางทองยุ่น  / นางสาวทัศวรรณ์  / นายรังสรรค์  / นางสาวดวงนภา / เด็กหญิงพลอยชมพู อายุ 7 ขวบ (ลูกของ นางสาวดวงนภา) / นางสาวสุคนธี  / นางศิริพร / นายวีระ 



โดยเมื่อเดินทางมาถึง เจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารนำส่งร่างผู้เสียชีวิตเข้าไปภายในสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจเอกลักษณ์ตัวบุคคลด้วยการตรวจดีเอ็นเอจากญาติของผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาในวันนี้ด้วย ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ และบางคนถึงกับจะเป็นลม ร้องไห้แทบขาดใจ



นางสาวแอ๋ว และนางสาวดาวใจ จารุไชย พี่น้องของนางสาวดวงนภา ผู้เสียชีวิต เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ปกติพี่สาวจะใช้บริการรถตู้โดยสารคันนี้เป็นประจำ โดยในวันเกิดเหตุ พี่สาวกับลูกสาว กำลังขึ้นรถตู้เพื่อที่จะกลับมาบ้านในจังหวัดปทุมธานีซึ่งเป็นที่ที่ทำงานอยู่ โดยปกติจะเดินทางกลับบ้านและกลับมาทำงานพร้อมกัน แต่ครั้งนี้พี่สาวขอกลับวันเสาร์ พวกตนจึงกลับมาก่อนตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ซึ่งพวกตนได้คุยกับพี่สาวทางไลน์ เจ้าตัวบอกประโยคสุดท้ายว่า ขึ้นรถแล้วนะ ในช่วงบ่ายวันเกิดเหตุ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ตอนนั้นก็ไม่มีใครคาดคิด หรือสังหรณ์ใจอะไร จนกระทั่งพ่อโทรมาบอกตอนตี 4 ว่า รถคันที่พี่สาวนั่งมาเกิดอุบัติเหตุ จึงตกใจมากและรีบวิ่งไปดูที่บ้านของพี่สาวก็ไม่เห็นเจ้าตัว ก็ยิ่งรู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก และคิดว่าคงใช่แน่ๆ แล้ว ทั้งนี้ พวกตนใช้บริการรถตู้โดยสารคันนี้มานาน 7 ปีแล้ว ซึ่งก็รู้จักกับคนขับคนนี้ และเชื่อใจ เพราะเป็นคนขับคนเดิมที่จะขับเส้นทางนี้เป็นประจำและชินเส้นทางนี้เป็นอย่างดี โดย 1 สัปดาห์ จะวิ่ง 2 รอบ คือ ทุกวันจันทร์และวันเสาร์



พี่น้องของนางสาวดวงนภา ยังบอกอีกว่า ตอนนี้พวกตนก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ในใจก็เสียใจมาก ตอนนี้พูดไม่ออก เพราะทุกอย่างมันกะทันหันเกินไป ซึ่งพวกตนมีกันอยู่ 4 คนพี่น้อง ทุกคนสนิทกันมาก มีอะไรก็จะคุยกันตลอด มาทำงานที่ปทุมธานีด้วยกัน และจะช่วยกันดูแลหลานสาว ความรู้สึกมันจุกอก ไม่คิดว่าจะเกิดกับครอบครัวของเรา



ด้าน นายสุทธิวัส หนูคำหอม สามีของนางศิริพร หนูคำหอม เล่าว่า ก่อนหน้านี้ภรรยาของตนได้โดยสารทางเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี เนื่องในวันหยุดตรุษจีน ซึ่งก่อนที่จะเดินทางกลับมา ก็ได้ไหว้แม่ แล้วพูดกับญาติๆ เหมือนเป็นลางว่า ถ้าเป็นอะไรไป ฝากดูแลแม่ด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ภรรยาก็เคยมีมาเล่าบ้างว่า คนขับรถขับรถเร็ว ซึ่งเวลาความเร็วเกินกำหนด ก็จะมีสัญญาณเตือนดังขึ้น



ทั้งนี้ ตนยังรู้สึกคาใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากรู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไรกันแน่ คนขับหลับในหรือมีรถตัดหน้าหรือไม่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ โดยตนไม่ได้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงอยากให้ตรวจสอบอย่างละเอียด และหลังจากนี้ถ้าจะต้องรับผิดชอบ ก็ต้องรับผิดชอบให้สมเหตุสมผล



 ขณะที่น้องสาวของนายวันชัย  คนขับรถตู้ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวของตนต้องขอโทษกับผู้สูญเสียทุกคนแทนน้องชายด้วย แต่ก็อยากขอความเห็นใจ อยากให้สังคมเข้าใจว่าครอบครัวตนก็สูญเสียเหมือนกัน และเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้มีใครอยากให้เกิด ทั้งนี้ปกติน้องชายตนจะขับรถตู้โดยสารเส้นทางนี้เป็นประจำ ซึ่งขับเพียงเส้นทางเดียวมานานกว่า 20 ปีแล้ว และเท่าที่ทราบ ปกติน้องชายก็จะเตรียมร่างกายให้พร้อม นอนหลับเพียงพอก่อนขับรถเสมอ



สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ สถาบันนิติเวชวิทยา จะทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอของร่างผู้เสียชีวิตเพื่อยืนยันตัวบุคคล ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นจึงจะแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยการดำเนินการทั้งหมดนี้ จะมีอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิเพชรเกษมอำนาจเจริญ ดำเนินการและช่วยเหลือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด โดยจะสนับสนุนรถบรรทุกห้องเย็น ในการลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 11 รายเดินทางกลับภูมิลำเนาพร้อมกัน