สังคม

จบด้วยดีผอ.ถอนแจ้งความเด็ก บอลถูกกล้องพัง-กลัวผิดใช้มีดตัดสายไฟ

โดย taweelap_b

30 ก.ย. 2565

225 views

กรณี เพจเฟซบุ๊ก "Survive - สายไหมต้องรอด" โพสต์รูปภาพหมายเรียกผู้ต้องหาและรูปภาพเด็กนักเรียน แจ้งว่าผอ.โรงเรียน ในจ.กำแพงเพชร แจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับนักเรียนชั้น ป.6 ที่ทำกล้องวงจรปิดในโรงเรียนพัง และเรียกค่าเสียหายกว่า 3,000 บาท ทำให้ชาวเน็ตเสียงแตกถามว่า ผอ.ทำเกินไปหรือไม่ เด็กจะมีคดีติดตัว จึงเรียกร้องขอให้ถอนแจ้งความ และจะรวบรวมเงินช่วยเคลียร์ค่าเสียหาย ขณะที่อีกมุมบอกว่าเรื่องมันมีมากกว่านั้น จึงอยากให้ฟังงอีกฝั่งเล่าความจริง


ล่าสุดวันที่ 30 ก.ย. 65 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว ในพื้นที่ ต.นาบ่อคำ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงได้ไปพูดคุยกับนายสมชาย ศรีสุข ผอ.โรงเรียน ให้ข้อมูลว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากที่เด็กทั้ง 2 คน ไปเล่นวอลเลย์บอล แล้วไปโดนกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพังเสียหาย เด็กทั้ง 2 คนนั้นกลัวความผิดเลยตัดสินใจนำไม้มาตีเพื่อทำลายกล้อวงจรปิด พร้อมทั้งตัดสายไฟและสายสัญญาณเพื่อปกปิดความผิด แต่ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกถาพไว้ได้ โรงเรียนจึงได้เรียกผู้ปกครองของเด็กที่ทำกล้องวงจรปิดพังเสียหาย เข้ามารับทราบแล้ว พร้อมตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 3,000 บาท ซึ่งมีนักเรียน 2 คน ที่จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน อายุ 12 ปี นักเรียนชั้น ป.6 และ อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.6 ที่เป็นเพื่อนห้องเดียวกัน


ทั้งนี้ ผู้ปกครองของทั้ง 2 ฝ่าย ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ และจบเรื่องดังกล่าว แต่วันต่อมาเมื่อพ่อของ อายุ 11 ปี ทราบเรื่องก็บอกว่าขอไม่ชดใช้ อ้างว่าลูกชายไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวหน่วยงานปกครองและตำรวจในพื้นที่ก็ทราบดีและเข้ามาไกล่เกี่ยเจรจา จนสุดท้ายมีความเห็นว่าควรจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่รับผิดชอบคือ เด็กอายุ 11 ปี ส่วน เด็กอายุ 12 ปี ได้จ่ายค่าเสียหายแล้ว


นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลที่ต้องดำเนินการคดีนั้น เพราะต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง สำหรับ เด็กอายุ 12 ปี เพื่อนของ เด็กอายุ 11 ปี มีวีรกรรมในโรงเรียนและชุมชนในลักษณะนี้หลายครั้งจนเอือมระอา ทั้งงัดเข้าไปขโมยของในร้านค้าสหกรณ์แและงัดห้องเรียน ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม ล่าสุด เด็กอายุ 11 ปี เคยมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนด้วยกันถึงขนาดพกมีดดาบเข้ามาจะทำร้ายกันในโรงเรียน โดยทางปกครองได้เข้าห้ามปรามเรียกผู้ปกครองเข้ามารับทราบ จนมีกระแสดรามาในเพจดัง "Survive - สายไหมต้องรอด" ส่วน เด็กอายุ 11 ปี เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่ สร้างความเดือดร้อนเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น และมีเด็กอีกคน ร่วมกับ เด็กอายุ 12 ปี ตีกล้องวงจรปิดหน้าห้องศูนย์เด็กเล็ก เพื่อเข้าไปขโมยกระปุกออมสินและขนม


นายธวัชชัย ไทยตัน กำนันตำบลนาบ่อคำ กล่าวว่า เด็กหัวโจกจริง ๆ แล้วเป็นเด็กอันตรายกับชุมชน ไปงัดแงะตั้งแก๊ง และคณะกรรมการโรงเรียนได้เรียกมาตักเตือนแล้ว แต่ยังมีพฤติกรรมซ้ำ ส่วนการแจ้งความไม่ใช่แจ้งจับอะไร เป็นการป้องปรามไม่อยากให้เด็กโตขึ้นมาเป็นปัญหาของสังคม ตนจึงฝากผู้ปกครองช่วยกันดูแลสั่งสอนลูกหลาน ไม่ใช่จะปล่อยให้มาโรงเรียนเป็นภาระให้ครูอย่างเดียว แต่ต้องช่วยกัน อยากให้เด็กเป็นเด็กดี และเป็นกำลังของชาติต่อไป


น.ส.อริสรา สระทองแพ อายุ 29 ปี แม่ค้าสหกรณ์ในโรงเรียน เปิดเผยว่า ร้านตนถูกเด็กอายุ 12 ปี ขโมยของในร้านถึง 3 ครั้ง พร้อมทั้งทำลายกลอนประตู กล้องวงจรปิด และสายอินเตอร์เน็ต ซึ่งตนเพิ่งจะเข้ามาขายของยังร้านค้าสหกรณ์ เพียง 2 เดือน แต่โดนงัดรัานและทำลายทรัพย์สินบ่อยขนาดนี้ ทั้งหมดเหมือนรู้ดีกว่าจะกระทำผิด เข้ามาก่อเหตุพุ่งเป้าไปที่การทำลายกล้องวงจรปิด จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่คิดว่าเด็กอายุเพียงแค่นี้ จะทำได้ถึงขนาดนี้


ต่อมาเวลา 11.30 น. นายสุพล จันทรต๊ะคาด ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 พร้อมด้วยนายพงศ์พล สุเยาว์ นักสังคมสงเคราะห์บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร ลงพื้นที่เข้าพบผอ.โรงเรียน พร้อมผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งผู้เป็นพ่อและยายของเด็กอายุ 11 ปี โดยได้เจรจาและอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งได้พูดถึงภาพวงจรปิดที่ถูกจับภาพไว้ได้ ในภาพจะเห็นลูกวอลเลย์บอลกระเด็นมาถูกกล้องวงจรปิด จากนั้น เด็กอายุ 11 ปี ได้เดินเข้ามาเพื่อจะเก็บลูกวอลเลย์บอล โดยใช้เชือกปิดบังใบหน้าและใช้เท้าเขี่ยไม้กวาดทางมะพร้าวไปในมุมที่คาดว่าเพื่อนอีกคนจะยืนอยู่ จากนั้นภาพวงจรปิดก็หมุนตกลงมาที่พื้น ซึ่งเป็นการถูกทุบทำลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันขี่รถจักรยานยนต์ออกจากโรงเรียนไป เป็นหลักฐานที่สามารถมัดตัวและดำเนินคดีเด็กทั้ง 2


ทั้งนี้ โรงเรียนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร ก่อนจะมีการแจ้งความและออกหมายเรียกเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยหาข้อตกลงกัน และให้ผู้ปกครองรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะดำเนินคดีให้เด็กเสียหาย เพราะทางโรงเรียนก็คำนึงถึงอนาคตของเด็ก หลังจากพูดคุยกันนานกว่า 30 นาที ทุกฝ่ายได้ตกลงกันและทำความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อย ทางผู้ปกครองของเด็กอายุ 11 ปี ได้ยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 1,650 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือหลังจากที่ เด็กอายุ 12 ปี ได้จ่ายแล้ว ส่วนทางโรงเรียนก็จะดำเนินการถอนแจ้งความทันที


อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเด็กอายุ 11 ปี หลังจากที่มีกระแสข่าวทราบว่า รู้สึกกลัวและตกใจ ยอมรับว่าเป็นคนในภาพวงจรปิดจริง เข้ามาเล่นวอลเลย์บอลภายในโรงเรียนกับเพื่อนอายุ 12 ปี และเพื่อนคนอื่น ก่อนที่ลูกวอลเลย์บอลจะกระเด็นไปบริเวณอาคารเรียน จึงเดินไปเก็บลูกวอลเลย์บอล ส่วนที่เอาผ้าปิดหน้านั้นเพราะกลัวว่าครูจะเห็นว่าแอบเข้ามาเล่นในเวลาเลิกเรียน 


นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ กล่าวว่า สิ่งที่โรงเรียนออกพูดมันกำกวม ในข้อเท็จจริงน้องอายุ 11 ปี ไม่ได้ก่อเหตุ แต่เป็นเพื่อนในแก๊งเดียวกัน ทั้งนี้โรงเรียนกำลังเหมารวมกลบเกลื่อน ตนจึงอยากถามว่าการแจ้งความเป็นวิธีการแก้ปัญหาของครูใช่หรือไม่ หากลูกครูกระทำเช่นนี้บ้าง ครูจะใช้การแจ้งความดำเนินคดีกับลูกแบบนี้หรือไม่ ตนคิดว่าเขายังเด็กอายุเพียง 11 และ 12 ปี หน้าที่ของครูคือให้การอบรมสั่งสอน แม้หลายคนเข้ามาคอมเมนต์แซวว่า "ลูกฉันเป็นคนดี" ตนคิดว่าควรใช้คำนี้กับเด็กโต การมีหมายเรียกมาที่โรงเรียน ระบุว่าเด็ก ๆ เป็นผู้ต้องหา เขาจะรู้สึกอย่างไร  

คุณอาจสนใจ

Related News