สังคม

สาวแคชเชียร์โอดถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงินสูญร่วมแสน

โดย onjira_n

11 ก.ย. 2565

1.8K views

สาวแคชเชียร์ร้องสื่อ ช่วยกระจายข่าวเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับประชาชนหลังโดนหลอกจากแก๊งมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นฝ่ายสินเชื่อของธนาคารหลอกว่าสามารถกู้เงิน โดยคนกู้สามารถที่จะเลือกส่งต้นพร้อมดอกต่ำในราคาหลักพัน โดยมิจฉาชีพได้ส่ง SMS เข้ามายังโทรศัพท์ของสาวแคชเชียร์รายดังกล่าวโดยมีข้อความว่า"คุณได้รับสิทธิ์ยื่นกู้ KTB 390,000 บาท >>https://shorturl.asia/H96yO$%22ก่อนที่สาวแคชเชียร์จะกดเข้าไปและมีการให้ app LINE พูดคุยกับมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นฝ่ายสินเชื่อของธนาคาร โดยมีการให้ผู้เสียหายกรอกรหัส otp พร้อมทั้งยังมีข้อความรายละเอียดที่คล้ายกับธนาคารฝ่ายสินเชื่อให้กรอกเพื่อทำการกู้ ก่อนสาวแคชเชียร์หลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพรายนี้เป็นเงินร่วม 100,000 บาท จากนั้นทางผู้สื่อข่าวจึงได้ลงไปสอบถามถึงรายละเอียดกับสาวแคชเชียร์รายนี้



วันที่ 11 กันยายน 2565 ได้พบกับนางสาวสุวิภา อายุ 38 ปี เป็นพนักงานแคชเชียร์ร้านแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี โดยนางสาวสุวิภา ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมาตนได้รับ SMS จากธนาคารชื่อย่อ KTB ว่ามีสิทธิ์ยื่นกู้เงินกับธนาคารเป็นจำนวนเงิน 390,000 บาท ตนจึงกดเข้าไปดู หลังจากนั้นทางมิจฉาชีพให้ตนแอด line เข้าไปคุยกับทางแอดมิน โดยทางแอดมินได้ให้ตนแอดไลน์อีกครั้งเพื่อที่จะได้คุยกับฝ่ายสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งทางมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นฝ่ายสินเชื่อของธนาคารถามมาทางตนว่าต้องการกู้เงินจำนวนเท่าไหร่และส่งจำนวนเท่าไหร่



โดยทางตนแจ้งไปว่าต้องการกู้เงินจำนวน 50,000 บาท และส่งต้นและดอกอยู่ที่ประมาณพันนิดๆ เวลาของการส่งเงินงวดอยู่ที่ 36 เดือน โดยคุยกันในวันที่ 31 สิงหาคม ทางมิจฉาชีพแจ้งว่ายังไม่สามารถอนุมัติกู้ได้ หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ช่วงเวลาประมาณ 13:00 น ทางมิจฉาชีพได้แจ้งเข้ามากับตนว่าสินเชื่ออนุมัติแล้ว พร้อมทั้งแจ้งว่าสามารถถอนวงเงินที่กู้ได้แล้ว แต่ทางมิจฉาชีพแจ้งมาอีกว่าตนต้องสร้างเครดิต โดยที่ให้ทางตนต้องโอนเงินยอดแรก จำนวน 5,297 บาท เพื่อเป็นการยืนยันว่าตนมีความสามารถที่จะผ่อนจ่ายกับทางธนาคารได้ พอตนโอนเงินไปเข้าบัญชีทางมิจฉาชีพก็ส่งข้อความกลับมาบอกตนว่าส่งหมายเลขผิดบัญชี



จากนั้นได้ส่งข้อความมาแจ้งกับตนเพิ่มว่าให้โอนเงินเข้าบัญชีอีกจำนวน 17,500 บาท เพื่อเป็นการแก้ไขและดำเนินการ พอตนโอนเงินไปอีกก็เกิดปัญหาอีกครั้ง โดยมิจฉาชีพแจ้งมาว่ารหัสที่โอนไปครั้งแรกไม่สามารถใช้ได้ จึงให้ตนโอนเงินไปเพิ่มอีกเป็นจำนวนเงิน 22,222 บาท พอโอนไปแล้วตนก็ยังไม่ได้เอะใจว่าโดนหลอกก็ยังมั่นใจว่าจะได้ยอดเงินที่โอนไปและที่กู้คืนมาโดยเป็นวงเงินที่เยอะขึ้นจากที่แจ้งกู้ สักพักทางมิจฉาชีพก็แจ้งมาอีกว่าเงินที่กู้นั้นยังไม่สามารถอนุมัติได้ ให้ทางตนโอนเงินเพิ่มเข้าไปในบัญชีอีกเป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท หลังจากตนโอนเงินไปอีก 45,000 บาท ทางมิจฉาชีพก็แจ้งมาอีกว่าบัญชีขึ้นออฟไลน์ขึ้นเป็นตัวสีแดง จึงทำให้ตนรู้สึกตกใจและรู้สึกว่าผิดปกติแล้ว



หลังจากนั้นทางตนจึงแย้งไปกับทางมิจฉาชีพว่ายอดการโอนเงินของตนและบัญชีการเดินเงินของตนนั้นปกติดีทำไมเกิดปัญหาแบบนี้ ซึ่งทางมิจฉาชีพยังแจ้งกลับมาทางตนว่าให้ไปตรวจสอบกับทางธนาคารได้ และถ้าอยากให้ทางเขาโอนเงินกลับคืนมาให้ตนทางมิจฉาชีพแจ้งว่าให้ลบข้อมูลการส่งเงินให้กับมิจฉาชีพรายนั้นออกให้หมด เขาถึงจะโอนเงินจำนวนทั้งหมดที่โอนเงินไปให้กลับมาให้ตน หรือว่าตนจะต้องโอนเงินไปให้เขาอีกหกหมื่นบาทเขาถึงจะลบข้อมูลและโอนเงินทั้งหมดกลับมาให้ตนซึ่งมันเป็นอะไรที่แปลกมาก โดยรวมยอดเงินที่ตนโอนไปให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้เป็นเงิน 90,019 บาท



ทั้งนี้น.ส.สุวิภา ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากมีข้อความ SMS เข้ามาในโทรศัพท์ของใครก็ตามตนแนะนำว่าไม่ควรที่จะกดเข้าไปอ่าน เพราะมิจฉาชีพเขาเข้ามาหากินในรูปแบบใหม่ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะมีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่ามีพัสดุหรือว่ามีของอะไรที่ตกค้างอย่างที่ออกข่าวมาตลอดทำให้ทางประชาชนอย่างเราก็มีความระมัดระวังในเรื่องนี้ แต่พอมาเป็นในรูปแบบของสินเชื่อ ซึ่งประชาชนหรือคนที่พอมีกำลังพอเจอสินเชื่อที่แจ้งเข้ามาว่าส่งผ่อนถูกเราก็จะหลงเชื่อ เพราฉะนั้นอย่าหลงกดเข้าไปและอย่าหลงเชื่อ




คุณอาจสนใจ

Related News