กรมควบคุมโรคเผยฉีดเข็ม 5 ยังไม่มีคำแนะนำอย่างเป็นทางการ

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 65 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงการฉีดวัคซีนโควิด- 19 หลังจากผ่านโควิดมากกว่า 3 ปี ทั่วโลกและไทยจะให้ความสำคัญกับจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต และตัวเลข ที่รักษาในโรงพยาบาล ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดตอนนี้ ที่ส่วนใหญ่อาการไม่มาก ก็จะรักษาเป็นคนไข้นอก ซึ่งจะเห็นว่าหลายประเทศไม่ได้มีการรายงานยอดภาพรวมแล้ว

ส่วนแนวโน้มผู้เสียชีวิต เฉลี่ย 14 วัน พบว่าอัตราค่อย ๆ ลดลง และจะคงแบบนี้ต่อไปอีกสักระยะ รวมถึงอัตราแนวโน้มผู้ติดเชื้อที่ทยอยลดลง ในส่วนผู้ติดเชื้อที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ช่วงโอมิครอนระบาดเคยสูงสุด 1,000 กว่าคน แต่ตอนนี้ลดลงเหลือ 175 คน ดังนั้นศักยภาพเตียง ICU ในโรงพยาบาล สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ตอนนี้มีความต้องการเตียงอยู่ที่ร้อยละ 10 เท่านั้น

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา ที่ได้มีการผ่อนคลายเปิดสถานบริการบันเทิง ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดในสถานบันเทิงมากขึ้น แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อีก 1-2 สัปดาห์ ว่าการเปิดสถานบันเทิงในครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบมากนักต่อการติดเชื้อและผู้ป่วยอาการหนักหรือไม่ ส่วนอัตราผู้เสียชีวิตจะคงอยู่ 20-30 รายต่อวัน จากการวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยสำคัญมี 2 อย่าง คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป แต่ที่เห็นชัดสุดคือผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นกลุ่มโลก วันนี้ 27 รายมี 26 รายอยู่ในกลุ่ม 608 ร้อยละ 96

ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรือ EOC มีแผนเร่งรัด การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อรองรับการเปิดประเทศในระยะต่อไปและการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในอนาคต โดยยังมีเข็มกระตุ้นที่ต้องเร่งรัด ฉีดให้ได้อยู่ที่ 15-21 ล้านโดส ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกได้มีคำแนะนำให้ประชาชน ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทุกชนิด ทุกสูตร สอดคล้องกับคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ โดยประสิทธิภาพวัคซีนที่ฉีดสามารถที่จะช่วยป้องกันและลดการเสียชีวิตได้เป็นอย่างดี โดยคำแนะนำสำหรับประเทศไทย 12 ปีขึ้นไป สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งเข็ม 3 และเข็ม 4 ทั้งนี้ พบว่าในพื้นที่ตามต่างจังหวัด ตามชนบท ต่าง ๆ การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังคงน้อยอยู่ ส่วนมากที่พบการฉีดเข็มกระตุ้น จะอยู่ในอำเภอเมืองเป็นหลัก

ส่วนการรับวัคซีนโควิดเข็ม 5 อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ยังไม่ได้มีคำแนะนำอย่างเป็นทางการ เพราะข้อมูลการศึกษายังไม่มากพอ แต่หากจะเข้ารับจะเป็นการพิจารณาเป็นรายบุคคล และความต้องการ เช่นกลุ่มคนที่มีความจำเป็นในการเดินทางไปต่างประเทศ และประเทศปลายทางมีการระบุให้ได้รับวัคซีน mRNA 2 เข็มขึ้นไป หรือวัคซีนไวรัลเวคเตอร์ รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่แพทย์ตรวจและพิจารณาว่ามีภูมิคุ้มกันลดลงที่จะต้องรับวัคซีนเสริมภูมิ

กรณีที่ว่าต่อจากนี้เมื่อโควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น การรับวัคซีน จะต้องมีการฉีดทุกปีเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และพิจารณา แต่กระทรวงสาธารณสุข มีแผนเตรียมการไว้แล้ว เช่น ในปี 65 ที่มีแผนเดิมจัดซื้อวัคซีน 120 ล้านโดส แต่มีการนำเข้ามาก่อนแล้ว 36 ล้านโดส ซึ่งที่เหลือจะเป็นการทยอยนำเข้ามา 

นพ.สุเทพ เพชรมาก หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ระบุข้อมูลการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 81.67 ซึ่งเข็ม 1 ยังคงจะต้องเร่งรัด การฉีดให้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10 กว่าล้านโดส เข็มที่ 2 ร้อยละ 75.91 เข็มกระตุ้น เข็ม 3 ขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 41.32 เฉลี่ยต่อวันการรับซีนโควิดอยู่ที่ประมาณ 200,000 โดส ขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศ ภาคใต้ตอนล่างถือว่าการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างน้อยอยู่

ส่วนเด็กเล็ก 5-11 ปี เป้าหมาย ประมาณ 5 ล้านคน เข็ม 1 เข้ารับวัคซีนโควิดไปแล้วประมาณ 3 ล้านกว่าคน มองว่ายังมีสัดส่วนจำนวนที่ยังต้องเข้ารับวัคซีนเพิ่ม ขณะที่ 12-17 ปี การเข้ารับวัคซีนโควิดครอบคลุมมากขึ้น โดยระยะเวลานี้อยู่ในช่วงการเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น ภาพรวมประชาชนที่ถึงเวลาต้องเข้ารับเข็ม 3 ขณะนี้ยังได้รับวัคซีนอยู่ที่ร้อยละ 50 โดยถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ต้องเข้ารับวัคซีน ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้สาธารณสุขจังหวัด ตามพื้นที่ต่าง ๆ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังพบประชาชนยังมีความลังเลในการเข้ารับวัคซีน โดยกระทรวงสาธารณสุขใช้นโยบายนำวัคซีนโควิด-19 ลงพื้นที่เข้าถึงประชาชน