สังคม
กรมควบคุมโรค ย้ำ 'โรคไอกรน' ยังระบาดในวงจำกัด หลังนร.ป่วยกว่า 20 คนในรร.ย่านปทุมวัน แนะผปค.สังเกตอาการช่วงนี้
โดย panwilai_c
13 พ.ย. 2567
85 views
กรมควบคุมโรค ส่งเจ้าหน้าที่ลงสอบสวนโรค กรณีพบนักเรียนป่วยโรคไอกรนกว่า 20 คน ในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ซึ่งเข้าข่ายลักษณะของโรคแพร่ระบาด แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ส่วนการปิดโรงเรียนเป็นมาตรการของสถานศึกษาเอง แนะผู้ปกครองตรวจสอบประวัติการรับวัคซีนของบุตรหลานว่าเคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรนในตอนเด็กหรือไม่ โดยย้ำว่าการระบาดในตอนนี้อยู่ในวงจำกัด
จากกรณี โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวันประกาศหยุดการเรียนการสอน 2 สัปดาห์หลังพบ นักเรียนป่วยโรคไอกรนมากกว่า 2 คนขึ้นไป
กรณีนี้ แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งรายงานตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าสอบสวนโรค ซึ่งเบื้องต้นพบผู้ป่วยโรคไอกรนจำนวน 20 คน
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักฟุตบอลของโรงเรียนและเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ตอนนี้อยู่ระหว่างเฝ้าระวังกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน เพื่อติดตามอาการ
ขณะที่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทางกรมควบคุมโรคได้กำหนด แนวทางปฏิบัติ ไว้ตามเกณฑ์โรค เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคมือเท้าปาก ก็จะสั่งปิดโรงเรียนทันที เนื่องจากกลุ่มโรคนี้มีโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายอยู่ในสิ่งแวดล้อม แต่โรคระบาดอื่นๆ รวมถึงโรคไอกรน ส่วนใหญ่การแพร่ระบาดเกิดจากตัวบุคคลผู้ป่วยที่มีการไอหรือจาม มาตรการจึงกำหนดด้านสาธารณสุขไว้ให้ผู้ป่วยหยุดเรียน ส่วนจะปิดโรงเรียนหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละสถานศึกษาพิจารณาถึงความพร้อมในการดำเนินการได้เอง
แพทย์หญิงจุไร จึงย้ำว่า กรณีกรณีที่พบผู้ป่วยไอกรนในเขตกรุงเทพมหานคร ยังไม่ถือว่าเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาด เพราะยังเจอเฉพาะกลุ่ม แต่ขอให้ทุกคน ปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัย เช่นการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ เพื่อ ลดการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ข้อมูลจากกรมการแพทย์ ระบุว่า โรคไอกรนเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ระบบทางเดินหายใจ สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการไอ จาม และการหายใจเอาละอองฝอยที่มีเชื้อเข้าไป โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบหรือภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ ซึ่งมักพบการระบาดในสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก
อาการของโรคไอกรนในระยะแรกจะคล้ายหวัดธรรมดา มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย และมีไข้ต่ำๆ หลังจากนั้น 1-2 สัปดาห์ จะมีอาการไอรุนแรงเป็นชุดๆ จนกระทั่งหายใจเข้าดังวี้ด บางรายอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็กทารกอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเขียว หยุดหายใจ และอาจเสียชีวิตได้ ผู้ปกครองควรสังเกตอาการหากพบว่าเด็กมีอาการไอติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ ไอรุนแรงจนอาเจียน หรือหายใจมีเสียงดังผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์
ปัจจุบันโรคไอกรนมีวัคซีนป้องกันใช้มากว่า 50 ปีโดยมีข้อกำหนดให้เด็กเล็กรับวัคซีนที่เป็นวัคซีนรวม ซึ่งจะมีไอกรน / คอตีบ / บาดทะยัก
จึงทำให้ในปัจจุบันพบการติดเชื้อ แต่อาการจะไม่รุนแรงยกเว้นในกลุ่มเด็กเล็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวร่วมเช่นโรคหอบหืดอาจเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาการป่วยจะรุนแรงและเสียชีวิตได้ ในกลุ่มเด็กโตและวัยผู้ใหญ่มีคำแนะนำให้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ทุก 10 ปี
อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการที่พบมีการแพร่ระบาดของโรคไอกรนในสถานศึกษาครั้งนี้แนะนำให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในสถานศึกษาดังกล่าวตรวจสอบประวัติการรับวัคซีนของบุตรหลานว่าได้รับวัคซีนป้องกันโรคไอกรนครบถ้วนหรือไม่และสังเกตอาการในช่วง 7 ถึง 14 วันหากพบมีอาการไข้และไอให้รีบ พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และสำหรับสถานศึกษาหรือชุมชนหากพบมีผู้ป่วยเข้าข่ายลักษณะโรคระบบทางเดินหายใจให้แนะนำหยุดเรียนก่อน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
แท็กที่เกี่ยวข้อง โรคไอกรน ,กรมควบคุมโรค ,โรคติดต่อ ,ไอกรนระบาด ,ไอกรนระบาดในโรงเรียน