สังคม

ดรามารร.ให้พ่อแม่ซื้อเสื้อบาติก กางเกง-รองเท้าต้องเข้าเชตเฉียด 1 พัน

โดย taweelap_b

17 พ.ค. 2565

208 views

กรณีโลกออนไลน์ถกเถียงกัน หลังมีประเด็นดรามารับเปิดเทอม เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลว่าผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองกระบี่ กำลังเดือดร้อนจากภาระค่าใช้จ่ายในวันเปิดเทอม ที่ต้องจ่ายให้กับโรงเรียน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อาทิ ค่าชุดเสื้อลายบาติก ที่โรงเรียนบังคับให้ซื้อ เพราะต้องให้นักเรียนใส่ไปเรียน 1 วันต่อสัปดาห์


แต่ทว่าผู้ปกครองก็ต้องแบกภาระค่าเครื่องแบบนักเรียน ทั้งชุดขาวปกติ ชุดลูกเสือ และชุดพลศึกษา ยังต้องซื้อชุดผ้าบาติก จึงจำเป็นต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 20 เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าวจำนวนมาก ในทำนองไม่เห็นด้วยกับภาระเรื่องชุดบาติกที่เพิ่มเข้ามา


ล่าสุดวันที่ 17 พ.ค. 65 ผู้ปกครองรายหนึ่งของโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า เดิมทีต้องซื้อชุดนักเรียนใหม่ทุกปี ก็เป็นภาระที่หนักอยู่แล้ว แต่ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดีจากวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลง ประกอบกับข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ค่าน้ำมันรถ ก็เพิ่มสูงขึ้นทุกอย่าง ยิ่งทำให้รายได้ไม่พอรายจ่าย เมื่อโรงเรียนเปิดเทอม ก็มีค่าใช้จ่ายจำเป็นเพิ่มมาอีก แต่ตนไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรโรงเรียนในสังกัดเทศบาล ต้องเพิ่มภาระด้วยการบังคับให้เด็กนักเรียนซื้อชุดผ้าบาติกมาใส่เป็นเครื่องแบบนักเรียนด้วย


ทั้งนี้ จากราคาที่ได้รับแจ้งมาเสื้อบาติกแต่ละตัว มีราคาตั้งแต่ 300-350 บาท แล้วยังต้องซื้อกางเกง และรองเท้า ที่ใส่ให้เข้ากับชุด รวมราคาชุดหนึ่งเฉียด 1,000 บาท แต่เมื่อเรียนจบแต่ละปีก็มีการเปลี่ยนรูปแบบของเสื้อ พ่อแม่ผู้ปกครงก็ต้องมาซื้อใหม่กันอีกครั้ง แต่ละปีมีค่าใช้จ่ายเรื่องชุดรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท จึงอยากให้ผู้บริหารทบทวนเรื่องนี้ เพราะเป็นภาระที่เพิ่มมาโดยไม่จำเป็น หรือมีคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับค่าใช้จ่ายดังกล่าวหรือไม่ เพราะโรงเรียนก็ไม่ได้ออกบิลใบเสร็จมาให้ด้วย


พ.ต.อ.สมเด็จ สุขการ นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ กล่าวว่า เท่าที่ทราบกรณีชุดบาติก ที่นักเรียนโรงเรียนเทศบาล ต้องซื้อมาสวมใส่นั้น มีมานานแล้ว เคยสอบถามก็ทราบว่ามีผู้ปกครองบางส่วนเห็นด้วยอยากให้มีแบบฟอร์มดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจว่าช่วงนี้ผู้ปกครองหลายรายกำลังมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูง ตนจะเร่งนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับคณะกรรมการสถานศึกษาอีกครั้งว่าจะมีทางแก้ปัญหาให้ผู้ปกครองได้อย่างไรบ้าง

คุณอาจสนใจ

Related News