ออกหมายเรียก 'กาโตะ' ปมยักยอกทรัพย์ เร่งสอบเบิกเงินวัด มากกว่า 6 แสนบาทหรือไม่

วานนี้ (10 พ.ค.) พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่วัดเพ็ญญาติ ว่านายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ อดีตพระกาโตะ มีการเบิกถอนเงินวัดไปใช้ส่วนตัว หรือผิดวัตถุประสงค์วัดหรือไม่

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้น บก.ปปป. ได้หารือร่วมกับพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไปแล้วเมื่อวันที่9 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเองได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และให้ความสนใจ จึงสั่งการให้ดำเนินการให้ชัดเจน และตรงไปตรงมา

โดยเมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) จึงมีคำสั่งออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าให้ บก.ปปป. เป็นพนักงานสอบสวนร่วมกับกองปราบฯ ที่จะเป็นผู้ทำคดีนี้ ซึ่งมีพระราชวรญาณ เจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร เป็นโจทก์แจ้งความดำเนินคดีกับอดีตพระกาโตะ ฐานยักยอกทรัพย์

สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างวัดบุปผารามวรวิหาร พื้นที่กรุงเทพมหานคร และวัดเพ็ญญาติ จังหวัดนครศรีธรรมราช จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบว่า เจ้าอาวาสทั้ง 2 แห่ง เป็นเครือญาติกัน และเมื่อเจ้าอาวาสวัดเพ็ญญาติมรณภาพ ทางเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร บอกให้ฆราวาสช่วยกันดูแลวัดเพ็ญญาติ เพราะท่านเป็นคนสร้างวัดขึ้นมา แต่ไม่ได้มอบหมายให้ใครมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาสพิเศษ

โดยเท่าที่ได้ไปสอบปากคำเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่านก็รู้สึกเป็นห่วงชื่อเสียงของทางพระพุทธศาสนา และแม้เรื่องนี้เป็นความผิดส่วนตัวที่ยอมความได้ แต่หากอดีตพระกาโตะทำผิดจริง ท่านก็บอกว่าให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีได้เลย ซึ่งคนสำคัญในคดีที่จะตอบคำถามได้หมดว่ายอดเงินต่างๆ เกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงอย่างไร ก็คืออดีตพระกาโตะที่เป็นผู้กุมความลับเอาไว้หลายเรื่อง และตนเชื่อว่ายังพูดไม่หมด

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ย้ำว่า เมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) จะออกหมายเรียกให้อดีตพระกาโตะเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งหากยังไม่มาเข้าพบ จะออกหมายเรียกอีก 1 ครั้ง หากยังไม่มาเข้าพบอีกก็จะออกหมายจับทันที โดยตอนนี้อำนาจหน้าที่ของคดีนี้ทั้งหมดอยู่ที่กองปราบฯ และ บก.ปปป. กรุงเทพมหานครแล้ว

ซึ่งหากตอนนี้อดีตพระกาโตะฟังอยู่ อยากให้เข้ามาให้ข้อมูลโดยเร็ว หากไม่อยากให้ศาสนาเสื่อมเสีย และเป็นหนทางที่ดีที่จะให้คดีจบไว หากเข้ามาให้ข้อเท็จจริง และว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ทั้งนี้ อดีตพระกาโตะเอง อาจตกเป็นเหยื่อในคดีนี้ก็ได้ ส่วนใบตองกับพระดอนจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ต้องรอสอบปากคำอดีตพระกาโตะก่อน

ส่วนหลังจากที่พันตำรวจโทสมเกียรติ พิมพกันต์ รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และพันตำรวจโทกรณ์ จัตตุลาภา รองผู้กำกับการสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ลงไปเก็บข้อมูลในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนรวบรวมนำข้อมูลมาให้ทาง บก.ปปป.

เบื้องต้นพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง และพบการกระทำความผิดจริง แต่เป็นความผิดธรรมดา ประกอบกับพบพยานหลักฐานสำคัญ โดยได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ไปมากกว่า 10 ปาก

สำหรับในรายละเอียดเรื่องตัวเลขที่มีการเบิกถอนจะมากกว่า 6 แสนบาทหรือไม่ ยังต้องขอเวลาไปตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ซึ่งจากที่ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าภายในเดือนเศษ พบรายการทำธุรกรรมทางการเงิน 2-3 ยอด แต่ใบตองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอดีตพระกาโตะได้ประมาณ 3 เดือน จึงต้องไปตรวจสอบเพิ่ม