สังคม

'สีกาตอง' เปิดหน้าออกสื่อ ไม่แคร์คนมองหน้าไม่อาย ขู่ฟ้องคนด่า 'อุ๊บ วิริยะ' ยันไม่หนุนคนชั่ว

โดย thichaphat_d

4 พ.ค. 2565

25K views

สีกาตอง เปิดหน้าไลฟ์เปิดใจอีกครั้ง ยอมรับผิด ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยืนยันไม่ได้หน้าด้าน ส่วนเงิน 3 แสนย้ำไม่ได้ขูดรีด พร้อมขู่ฟ้องเอาผิดคนด่า


วานนี้ (3 พ.ค.) ในไลฟ์ของเพจทีวีพูล อุ๊บ วิริยะ และใบตอง หรือ สีกาตองที่เป็นข่าวโด่งดังหลังมีสัมพันธ์กับอดีตพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจอีกครั้งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดยในครั้งนี้สาวใบตอง ได้เปิดหน้าชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้สาวใบตองได้ไปร่วมรายการ และให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ โดยได้ปิดบังใบหน้ามิดชิด

สาวตองเปิดใจถึงกระแสดราม่าในโซเชียลที่เกิดขึ้นในตอนนี้ว่า ตนไม่ค่อยได้อ่านข่าวหรือคอมเม้นท์ในโซเชียลเยอะ เพราะเดี๋ยวจะเครียด ตนก็ทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งตนต้องขอโทษสังคมอีกครั้ง ที่ทำให้เกิดเรื่องราว และทำให้หลายๆ ฝ่ายมีผลกระทบ

พร้อมย้อนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าขณะนั้น ไม่มีสติ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งรู้ว่าผิดทั้งคู่ ยอมรับผิด และไม่อยากให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็อยู่ที่ว่าจะเข้ามาแก้ไขอะไรได้บ้าง และรู้สึกว่าถ้าตนไม่พูดก็จะยิ่งเป็นตราบาปในใจ แต่ถ้าพูดไปแล้วเจอกระแสดราม่าแบบนี้ก็น้อมรับ

พร้อมย้ำว่า ไม่ได้หน้าด้าน แต่ที่ยังกล้าออกมาเปิดหน้า กล้าออกมาพูด เพราะเป็นความตั้งใจ ที่อยากให้ทุกคนเข้าใจ และอยากให้ทุกคนเห็นอีกมุมว่า มันเกิดขึ้น มันมีจริงในโลกของเรา ส่วนใครจะมองว่าหน้าไม่อาย ก็ต้องขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไป

ส่วนที่สังคมตั้งคำถามว่าไม่รู้มาก่อนเหรอว่าพระกับผู้หญิงมันเข้าใกล้กันไม่ได้อยู่แล้ว สาวใบตองยอมรับว่า ตนรู้สึก แต่ถ้าจะให้เก็บเงียบ ตนก็จะยิ่งเป็นทุกข์มากกว่า ก็เลยยังยืนยันว่า หากต้องใช้ชีวิตต่อไป ก็อย่าไปทำผิดอีก อย่าไปทำบาปอีก ถือว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียน ส่วนพระย้อย สาวตองยืนยันว่า ตนกับพระย้อยนั้นไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว

สำหรับครอบครัวหลังเกิดเรื่องราวก็มีการให้กำลังใจกัน ครอบครัวเข้าใจ และตนอยากให้ทุกอย่างมาลงที่ตน อย่าไปโทษครอบครัวหรืออย่าไปโทษใครที่มีความเกี่ยวข้องกับตน ขอให้มาโทษตน เพราะเป็นความคิดของตนคนเดียว มันเป็นการตัดสินใจของตนคนเดียว

ก่อนหน้านี้ตนได้มีการทำช่องยูทูปในช่วงโควิดที่ผ่านมา พอเกิดเรื่องราวขึ้นก็ได้รับกระแสค่อนข้างหนักจนต้องหยุดไว้ก่อน ส่วนตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะทำไรต่อ แค่น้อมรับทุกๆ ความคิด ทุกๆ การตัดสินใจของสังคม และตอนนี้อยากพัก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ตนเหนื่อยมาก และอยากเดินสายทำบุญ

พร้อมบอกว่าการออกมาพูดครั้งนี้ไม่ได้แก้ตัว ต่อให้ถาม 10 ครั้ง ก็พูดได้ 10 ครั้ง เพราะมันเป็นความจริง และที่ออกมาพูดวันนี้ ก็คิดว่ามีทั้งคนเข้าใจ และไม่เข้าใจ

ส่วนอาการป่วยไบโพลาร์เป็นมาตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 64 แล้ว จึงกลับไปรักษาตัวที่บ้าน กลับไปให้ธรรมชาติบำบัด ซึ่งยอมรับว่าอาการที่เป็นหนักจริงๆ หนักที่สุดในชีวิต ตอนนี่้ยังต้องรับประทานยาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งตนก็ไม่อยากเอาอาการป่วยมาอ้างกับการกระทำที่เกิดขึ้น แต่ตนก็อยากทำในสิ่งที่ถูกต้อง แล้วถ้าทุกคนมองว่าความถูกต้องมันคือความหน้าด้าน ตนว่าสังคมควรจะพิจารณา ถ้ามีคนเงียบทั้งประเทศ แล้วสังคมจะอยู่กันยังไง

ส่วนความสัมพันธ์ของครูรัก ยอมรับว่าเคยคบกันจริง แต่ที่เลิกกันเพราะมีหลายปัจจัย ด้วยเรื่องช่องว่างระหว่างวัย และความคิดต่างกัน แต่ครูรักยังเป็นกำลังใจที่ดี ถ้ามีปัญหาอะไรสามารถปรึกษาได้ตลอด ตนยังเคารพครูรักอยู่เสมอ ซึ่งครูรักเป็นคนนึงที่เข้าใจโรคของตน ยังคงชี้ช่องทางที่ดีให้ตนมาโดยตลอด

ซึ่งตนก็อยากขอบคุณครูรัก ที่คอยซัพพอร์ต และให้แนวคิด ตักเตือนตนตลอด และตนยังคงให้กำลังใจครูรักเหมือนกัน พร้อมบอกว่าตนยังไหว และยืนยันที่ออกมาพูด เพราะอยากทำเพื่อความถูกต้องไม่ได้ต้องการเงิน แต่เขาเสนอมาเองหลังจากเกิดเรื่อง

สำหรับเรื่องเงิน 3 แสน ตนและอดีตพระเราเคยคุยกันว่าเราป่วย ต้องรักษากับหมอ 3 ที่ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่เดือนละ 1 หมื่นบาท และเราไปปรึกษาคนที่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวยาในการรักษา และเขาเป็นคนให้ข้อมูลกับทางอดีตพระว่าหากตนต้องรักษาจริงจังเพื่อให้หาย ต้องใช้เงินประมาณ 3-5 แสนบาท ทางอดีตพระจึงรับปากมาว่าจะช่วยค่ารักษา 3 แสนบาท นี่คือบทสนทนาที่คุยกัน ตนไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขา

ส่วนเงินก่อนหน้านั้นที่ได้ก็เป็นเงินที่เราตกลงกัน ไม่เคยไปบังคับ หรือไปขูดรีด ข่มขู่ ทุกครั้งที่เขาให้ เป็นการเต็มใจของเขาที่จะให้

สาวตองยังบอกอีกว่า ตอนนี้ได้ฝากให้ทนายของอุ๊บ วิริยะ ช่วยดูสำหรับคนที่เข้ามาต่อว่า ดูถูก ซึ่งตอนนี้ก็มีหลักฐานครบหมดแล้ว ซึ่งก็จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป ในส่วนของข้อหา พรบ.คอมฯ ซึ่งก็มีทนายท่านอื่นติดต่อเข้ามาเพื่อจะช่วยดูแลเรื่องเหล่านี้แล้ว 4 ท่าน และได้เตรียมหลักฐานไว้แล้ว

ด้านอุ๊บ วิริยะ เผยว่า ตนรู้จักกับทางครอบครัวของสาวใบตองตั้งแต่ปี 2527 ตั้งแต่ใบตองยังไม่เกิด พอโตเป็นสาวก็เดินทางเข้ามาประกวดในกรุงเทพฯ และได้เจอตามงานก็คุยกันตลอด

ส่วนเรื่องส่วนตัวที่เกิดขึ้น ใบตองทำผิด ตนไม่สนับสนุนคนชั่ว คนผิด แล้วเรื่องเกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้ามันบาป มันมรณะ พร้อมระบุอีกว่า พอมีรูปตนออกไปในสื่อว่ารู้จักกับใบตอง ทุกคนก็มารุมด่า ว่าตนเกาะกระแสมาเกี่ยวอะไรด้วย

อุ๊บ วิริยะ ย้ำว่า ทุกคำด่ามีค่า ตนไม่รับกระเช้า และคำขอโทษ ทนายตนกำลังเก็บข้อมูลอยู่ เพราะมีข่าวออกมา ว่าตนเป็นผู้จัดการใบตอง ตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ตนขอยืนยันว่า ตนรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรดี อะไรไม่ดี  



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Udu0wUh4JEg

คุณอาจสนใจ