โควิด-19ในจ.อุบลราชธานียังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สสจ.แนะประชาชนเร่งเข้ารับวัคซีน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี รายงานสถานการณ์โควิด-19 รายใหม่ ในจังหวัดอุบลราชธานี ประจำวันที่ 19 เมษายน 2565 พบผู้ป่วยรายใหม่ 5,124 คน จำแนกเป็นผู้ป่วยยืนยัน (PCR) 459 คน และผู้ที่เข้าข่ายจากการตรวจด้วย ATK จำนวน 4,665 คน เป็นผู้ติดเชื้อในพื้นที่ถึง 5,025 คน และผู้ที่มาจากต่างจังหวัดอีก 99 คน โดยเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน (18 เมษายน) ที่มียอดผู้ติดเชื้อ 3,125 คน เป็นผู้ป่วยยืนยัน 279 คน และผู้ที่ตรวจด้วย ATK จำนวน 2,846 คน



ทำให้ตอนนี้มีผู้ป่วยสะสมระลอกเดือนมกราคม 2565 รวม 137,975 คน รักษาหายแล้ว 111,039 คน กำลังรักษา 26,775 คน โดยมีผู้ป่วยปอดอักเสบ 375 คน และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 33 คน



สสจ.อุบลราชธานี ยังรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้มี 4 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมระลอกเดือนมกราคม 2565 รวม 161 คน ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิดทั้ง 4 คนมีดังนี้



รายแรก เป็นชายไทย อายุ 93 ปี มีโรคประจำตัว คือโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรคไตวายเรื้อรัง ไม่ได้รับวัคซีนโควิด ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 16 เมษายน. 2565 รักษาในโรงพยาบาล 3 วัน ก่อนจะเสียชีวิตสาเหตุการติดเชื้อในพื้นที่แต่ไม่ทราบแหล่ง



รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 83 ปี มีโรคประจำตัวคือ โรคความดันโลหิตสูง ต่อมลูกหมากโต และภาวะหลงลืม ไม่ได้รับวัคซีนโควิด ตรวจพบเชื้อวันที่ 10 เมษายน 2565 รักษาในโรงพยาบาล 8 วัน ก่อนเสียชีวิต ติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยในครอบครัว



รายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 68 ปี มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในหลอดเลือดสูง และไตวายเรื้อรัง ไม่ได้รับวัคซีน เริ่มป่วยวันที่ 27 มีนาคม 2565 ตรวจ ATK เข้ารักษาที่โรงพยาบาลน้ำยืนและรักษาที่บ้านครบ 10 วัน ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ 30 มีนาคม 2565 จนวันที่ 7 เมษายน 2565 มีอาการป่วยหนักขึ้น เมื่อตรวจ PCR พบติดเชื้อยืนยันโดยมีอาการปอดอักเสบ รักษาในโรงพยาบาลได้ 11 วัน ก่อนจะเสียชีวิต สาเหตุการติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยในครอบครัว



รายที่ 4 เป็นชายไทยอายุ 72 ปี มีอาชีพเกษตรกร มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ ได้รับวัคซีน 3 เข็ม ตรวจพบติดเชื้อเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 มีอาการปอดอักเสบและได้รับยาเรมเดซิเวียร์ รักษาในโรงพยาบาล 7 วัน ก่อนเสียชีวิต สาเหตุการติดเชื้อจากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด



ทั้งนี้ สสจ.อุบลราชธานี ขอให้ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวทุกคน รวมถึงประชาชนเร่งเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 และกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว