สังคม

กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์บุกสถานทูตสหรัฐฯ ยื่นหนังสือตรวจสอบจัดสรร 'ไฟเซอร์'

โดย panisa_p

27 ก.ค. 2564

14 views

กลุ่มตัวแทนบุคลากรทางการแพทย์ ยื่นหนังสือถึงตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ในการแสดงท่าทีของกลุ่มเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีน ไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโดส ที่ทางสหรัฐฯอเมริกาบริจาคมา


โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกมีใจความว่า ปัจจุบันมีบุคลากรด่านหน้า ประมาณ 800 คนที่ติดเชื้อ โควิด-19 ทั้งที่หลายคนได้รับการจัดสรรวัคซีนครบทั้งสองชุดแล้ว ทั้งนี้ขอบคุณทางสหรัฐอเมริกา ที่บริษัทวัคซีน แต่ทางกลุ่มไม่มั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะสามารถจัดสรรให้ได้ตามกลุ่มเป้าหมายที่ทางสหรัฐอเมริกาได้คำนึงไว้ โดยเฉพาะการนำไปฉีดเป็น บูสเตอร์โดส ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่จะได้รับจำนวน 700,000 คน จากนั้นจึงให้กลุ่มเสี่ยง


แต่ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขกลับระบุว่าจะมีบุคลากรที่ได้รับวัคซีนส่วนนี้เพียง 500,000 โดส และมีบุคลากรบางส่วนถูกโน้มน้าวให้ฉีด วัคซีน Viral Vector เป็นบูสเตอร์โดสแทน เนื่องจาก mRNA ยังไม่ถูกจัดสรรมา ทำให้ทางกลุ่มมีความกังวลใจความคุมเครือและไม่แน่นอนในการจัดสรรวัคซีน


โดยทางตัวแทน สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ได้รับจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวไว้พิจารณาตามข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ นพ.ณัฐ ศิริรัตน์บุญขจร แพทย์ และตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ เปิดเผยว่า วันนี้มายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงสถานทูตเพื่อกล่าวถึงความกังวลต่อสถานเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย ต่อท่าทีของรัฐบาลไทยในการจัดสรรวัคซีนที่ยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอ


ส่วนตัวเข้าใจว่าสถานการณ์ โควิด-19 รุนแรงขึ้นซึ่งที่ผ่านมา มีจำนวนบุคลากรที่ได้รับแอสตราเซเนกาเป็นบูสเตอร์ โดสไปบ้างแล้ว แต่สิ่งที่ยังไม่เห็นคือเอกสารที่เป็นทางการ หรือตัวเลขที่มีความชัดเจน อยากให้มีความชัดเจน เพื่อไม่ให้มีแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์หรือดันหน้าตกหล่น


ขณะที่นางสาว ปาณิสรา ปานมุนี ตัวแทนเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ กล่าวในฐานะตัวแทนบุคลากรด่านหน้า ยอมรับว่าเนื้องานต้องเผชิญกับความเสี่ยง ซึ่งเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่สิ่งสำคัญที่ออกมาเคลื่อนไหว เพราะไม่มีเครื่องมือในการจัดการกับความเสี่ยงให้กับบุคลากร ที่จะปกป้องชีวิตจากอันตรายต่างๆ และไม่ได้รับการรับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการรับมือกับสายพันธุ์ใหม่


นอกจากนี้ ยังมีการตกค้างเรื่องค่าตอบแทนเสี่ยงภัย รวมถึงอุปกรณ์การป้องกัน บางแห่งแพทย์พยาบาลต้องจัดซื้ออุปกรณ์ในการป้องกันเองซึ่งเปรียบเสมือนว่ารัฐบาลกำลังส่งบุคลากรด่านหน้าไปตาย เพราะไม่สามารถปกป้องชีวิตตัวเองได้เลย รัชนีจะจับตาท่าทีการจัดการวัคซีนของภาครัฐต่อ หากยังพบความไม่โปร่งใสก็จะมีการเคลื่อนไหวต่อไป  ปัจจุบันได้จัดทำไทยแลนด์แพคซีนวอท หากพบความน่าสงสัยหรือกระจายวัคซีนที่ไม่โปร่งใสก็ขอให้ติดต่อมาเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาในการจับตาดู

คุณอาจสนใจ

Related News