สังคม

คาใจการรักษา! "ดาวติ๊กต็อก" สาวเสียชีวิต ครอบครัวเชื่อไม่ได้ทำงานหนักจนป่วย แต่เสียชีวิตเพราะแพ้ยา

โดย paweena_c

28 ก.พ. 2568

730 views

แม่และสามีร้องขอความเป็นธรรม ดาวติ๊กต็อก เสียชีวิต หลังป่วยหนัก และแพ้ยาอย่างรุนแรง ขณะโรงพยาบาลยังไม่แสดงความรับผิดชอบ พร้อมชี้แจงลูกสาว ไม่ได้ทำงานหนักจนป่วย แต่ที่เสียชีวิตเชื่อว่ามาจากการแพ้ยา


ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ไว้อาลัย ต่อการเสียชีวิตของ "ยุ้ย" ดาวติ๊กต็อกที่มีผู้ติดตามกว่า 3 แสนคน โดยในโพสต์ อ้างว่า เธอเสียชีวิตหลังจากทำงานหนัก ไม่พักผ่อนจนทำให้ภูมิตกและป่วยหนักด้วยอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง ซึ่ง เจ้าตัวก็ได้โพสต์อัพเดทเรื่องราวอาการของตัวเองตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล


โดยคุณยุ้ยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งแรก ที่จังหวัดปราจีนบุรี ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม 2567 ด้วยอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง มีผื่นขึ้นเต็มตัว ไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองโต ตับอักเสบรุนแรง และปอดอักเสบจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและรอการปลูกถ่ายปอด


และก่อนเสียชีวิต ยุ้ยได้โพสต์ข้อความ ว่าเธอความทุกข์ทรมานจากอาการป่วยและมีความกังวลเกี่ยวกับการหาเลี้ยงครอบครัว โดยเธอบอกด้วยว่า อยากมีสุขภาพแข็งแรงและใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น


ล่าสุดทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ มีโอกาสได้พูดคุยกับแม่ขวัญ เป็นแม่ของน้องยุ้ย เล่าให้ฟังว่า ลูกสาว เข้าทำการรักษาตัว ถึง 4 โรงพยาบาลก่อนจะเสียชีวิต โดยเริ่มมีอาการป่วย มีไข้และเหมือนมีก้อนอะไรบวมๆบริเวณคอ วันที่ 3 ธันวาคม 2567 แฟนของลูกสาวจึงพาลูกสาวไป รักษาตัวที่โรงพยาบาล และแอดมิด โรงพยาบาลแรก ซึ่งหมอสั่งให้งดน้ำและงดอาหาร พร้อมทั้งให้ยาและรักษาตามอาการ


ต่อมาช่วงกลางดึกของวันที่ 4 ลูกสาวเริ่มมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ คือชาตามมือตามเท้า และคันยิบๆตามตัวลักษณะเหมือนอาการแพ้ยา จึงรีบแจ้งหมอและพยาบาล แต่หมอและพยาบาลบอกว่าอาจจะเกิดจากความกังวลและคิดมากไปเอง จึงทำการรักษาต่อ


แต่ลูกสาวยังอาการไม่ดีขึ้น และเริ่มทรุดหนักลง จึงขอออกจากโรงพยาบาลวันที่ 5 ธันวาคม โดยกลับมาถึงบ้านไม่ถึง 1 ชั่วโมงมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง แฟนของลูกสาวจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ 2 โดยแจ้งหมอว่ามีอาการปวดท้องเป็นหลัก ซึ่งโรงพยาบาลที่ 2 ทำการรักษาต่อ โดยที่ครอบครัวแจ้งแล้วว่า มีอาการลักษณะคล้ายแพ้ยา แต่ไม่ทราบชื่อและชนิดของยา


โดยลูกสาวได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่ 2 ประมาณ 20 วัน ซึ่งโรงพยาบาลที่ 2 ได้ตรวจและพบว่า คนไข้มีภาวะตับอักเสบรุนแรง จึงทำการรักษาตามอาการและต่อมาพบว่าคนไข้ มีอาการแพ้ยาร่วมด้วย และรักษาต่อตามอาการ แต่ลูกสาวอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมตามแขนขาปากลอกลิ้นพองและมีน้ำไหล ตามผิวหนัง และหมอตรวจพบอีกว่า มีภาวะปอดอักเสบรวมถึงภาวะไตอักเสบ


หมอจึงส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่ 3 เนื่องจากโรงพยาบาลที่ 2 ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านปอด ซึ่งลูกสาวมาอยู่ที่โรงพยาบาลที่ 3 ประมาณเกือบเดือน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น มีแต่ทรุดหนักลง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และลูกสาวมีภาวะหัวใจหยุดเต้น 6 ครั้ง และทำการผ่าตัดด่วนด้วยการใส่เครื่อง พยุงปอดและหัวใจก่อนจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ 4 เพราะว่ามีอุปกรณ์ครบครันกว่า ซึ่งในระหว่างส่งตัวน้องมีภาวะไตวายเฉียบพลันด้วย


จากนั้นน้องไปอยู่โรงพยาบาลที่ 4 ต่ออีกเดือนกว่ารักษาด้วยการฟอกไต 24 ชั่วโมงและอาจจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนปอด ซึ่งแฟนและพ่อของลูกสาวพร้อมที่จะยกปอดให้ยุ้ย แต่พอรักษาระยะหนึ่ง หมอ รพ.ที่ 4 ประเมินอาการแล้วไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ จึงต้องใส่เครื่องพยุงปอดและหัวใจไว้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน สุดท้าย 26 ก.พ. 68 น้องเสียชีวิต


ซึ่งตลอดการรักษาทั้ง 4 โรงพยาบาล ผู้เป็นแม่มองว่าโรงพยาบาลแรกควรแสดงความรับผิดชอบ เพราะน้องเข้าไปรักษาด้วยอาการเจ็บป่วยธรรมดา แต่กลับให้ยาที่ทำให้น้องมาอาการแพ้อย่างรุนแรง จนเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งเธอได้ติดต่อไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่น้องย้ายมาอยู่โรงพยาบาลที่ 2 แต่จนถึงขณะนี้ ทางโรงพยาบาลแรก ก็ยังเงียบไม่ได้ติดต่อมาแสดงความรับผิดชอบบอกเพียงว่าเสนอเรื่องให้แพทยสภาและอยู่ระหว่างการหารือกับผู้ใหญ่


ขณะที่คุณมอส อายุ 25 ปี บอกว่ามีประเด็นที่โซเชียลนำไปแชร์กันและเข้าใจคลาดเคลื่อนหลายอย่าง ที่บอกว่าแฟนสาวของตนทำงานหนักจนป่วยเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต ซึ่งความจริงแล้วตนมองว่า ที่แฟนสาวเสียชีวิตเกิดจากการแพ้ยา เพราะเวลาแฟนทำงานก็แบ่งเวลา มีเวลานอน มีเวลาพาลูกพาครอบครัวเที่ยว ซึ่งตนอยู่กับแฟนตลอด 24 ชั่วโมง รู้ดีว่าแต่ละวันทำอะไรพักผ่อนเพียงพอหรือไม่ ไม่ได้โหมงานหนักจนร่างกายทรุด แต่ที่แฟนเข้าโรงพยาบาลมาจากอาการมีไข้และมีอาการบวมที่บริเวณคอ พอแอดมิดโรงพยาบาลแรก คืนที่ 2 ก็เริ่มมีอาการคล้ายแพ้ยาเกิดขึ้น จนอาการทรุดหนักและเสียชีวิต


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/ylLN4Lpas1o

คุณอาจสนใจ

Related News