สังคม

พ่อยันไม่เผา 3 'แม่-ลูก' เหยื่อสาวบีเอ็ม จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม กู้ภัยเผยแม่คนขับเก๋งมาถึงถามหาแต่แมว

โดย paweena_c

9 ชั่วโมงที่แล้ว

60 views

ครอบครัวแม่ลูกที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์คนขับบีเอ็มฯ ขับรถพุ่งชน ยืนยันยังไม่เผาศพ จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้ข้อมูล แม่คนขับบีเอ็ม มาที่เกิดเหตุถามถึงแมวเหมือนกับลูกสาว

จากกรณี นางสาวจิรันธนิน อายุ 30 ปี ขับรถเก๋ง BMW ด้วยความเร็ว 207 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งชนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ 3 แม่ลูกเสียชีวิต ส่วนสาวที่เป็นคนขับรถ BMW ได้ขอให้ชาวบ้านช่วยหาแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ (พันธุ์สฟิงซ์) แล้วทิ้งรถเก๋งพาแมวหลบหนีหายไปกับความมืด เหตุเกิดเชิงสะพานถนนสาย จ. หมู่ 9 ตำบลตากแดด อำเภอเมืองชุมพร เมื่อค่ำวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาลออกมาแล้ว และญาติพร้อมทนายความได้นัดหมาย นายประกฤษณ์ สามีและพ่อผู้เสียชีวิต ไปที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องการชดเชยเยียวยา โดยมีสื่อมวลชนไปดักรอทำข่าวจำนวนมาก

ปรากฏว่าฝ่ายแม่ของ นางสาวจิรันธนิน คนขับรถ BMW มีพฤติกรรมก้าวร้าว ทั้งผลัก ทั้งศอกใส่นักข่าว พยายามกีดกันไม่ให้นักข่าวได้สอบถามลูกสาว ขณะที่ผู้สื่อข่าวก็พยายามสอบถามว่า ทำไมถึงหลบหนี และเหตุใดจึงห่วงแมวมากกว่าผู้เสียชีวิต

ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน นางสาวจิรันธนิน พร้อมด้วยแม่ และนายดำ พ่อของเจ้าของรถ BMW ได้ไปกราบขอขมาศพทั้ง 3 ศพ และญาติๆ ผู้เสียชีวิต โดยเจ้าตัวใส่แมสก์ และสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิด จนญาติๆ และนายประกฤษณ์ ผู้ที่สูญเสียเมียและลูกพร้อมกัน ต้องบอกให้ถอดหมวก ถอดแมสก์ออก เพื่อขอดูใบหน้า แต่ทั้งแม่และลูกสาวก็ทำเฉยไม่สนใจ และผู้เป็นแม่พยายามปกป้องลูกสาวไม่ให้นักข่าวได้ซักถามอะไรเลย

ในขณะที่นางสาวจิรันธนิน ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมพูดจาใดๆ ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้คร่ำครวญ ไม่มีใครได้เห็นใบหน้าและแววตา จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากญาติๆ และผู้ที่ไปร่วมงานศพอย่างมาก รวมทั้งในสื่อสังคมออนไลน์ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมดังกล่าวของสองแม่ลูกคู่นี้ ว่าขาดความจริงใจ ขาดความสำนึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านนายประกฤษณ์ หัวหน้าครอบครัวที่สูญเสียคนในครอบครัวไปถึง 3 ศพ ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาไหลอาบแก้มว่า ตอนนี้ชีวิตมืดมนไปหมด เหลือเพียงแม่ที่นอนป่วยติดเตียงมา 1 ปี 9 เดือน ชีวิตไม่มีกำลังใจอะไรแล้ว เมื่อก่อนยังมีลูกเมีย หันไปพูดคุยให้กำลังใจกันได้ วันนี้หมดแล้วทุกอย่าง หลังจากเสร็จงานศพ จะต้องอยู่ตามลำพัง และต้องดูแลแม่ที่ติดเตียง ยังไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าจะอยู่อย่างไร

และบอกว่า ครอบครัวเลื่อนการเผาศพออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งเดิมกำหนดไว้ในวันนี้ (2 ธันวาคม) โดยจะเคลื่อนศพไปเก็บที่สุสานมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์ ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ จะขอเผาศพก็ต่อเมื่อได้รับความยุติธรรม

ซึ่งการเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องการเยียวยาชดเชย ก็ยังไม่มีข้อยุติต้องเลื่อนออกไปก่อน มองว่าที่ผู้ก่อเหตุมาขอขมาศพเมียและลูก ยังขาดความจริงใจ เพราะยังปิดบังไม่ให้เห็นหน้าเลย บอกให้ถอดหมวกก็ยังเฉย ถือว่าไม่บริสุทธิ์ใจ

ขณะที่แม่ พี่สาว และน้องสาวของนางเย็นจิตร ผู้เสียชีวิต บอกว่า นอกจากผู้ก่อเหตุไม่มีความจริงใจแล้ว สิ่งที่ครอบครัวแคลงใจอีกอย่างก็คือ อยากให้ตำรวจตรวจสอบว่า มีสารเสพติดในร่างกายอะไรบ้าง นอกจากแอลกอฮอล์ เพราะพฤติกรรมหลายคนสงสัยมากว่าเมาสุราเพียงอย่างเดียวหรือ แล้วทำไมถึงขับรถด้วยความเร็วด้วยความคึกคะนองแบบนั้น

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย เล่าว่า หลังรับแจ้งเหตุได้เข้าตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบน้องผู้หญิงและคุณแม่เสียชีวิตแล้ว แต่น้องผู้ชายยังไม่เสียชีวิต ตนเองช่วยทำ CPR แต่สุดท้ายก็ยื้อชีวิตน้องไว้ไม่ได้

ขณะนั้นเหตุการณ์ชุลมุนมาก จู่ๆ มีหญิงวัยกลางคน อายุประมาณ 50 ปี ใส่ชุดดำผมบ๊อบมาดูศพแล้วร้องไห้เหมือนจะขาดใจ พร้อมกับถามว่า "ผู้เสียชีวิตเป็นใคร ไม่ใช่คนขับเก๋งบีเอ็มฯ ใช่มั้ย" ตนเลยบอกว่า "ไม่ใช่ เป็นแม่ลูกกันทั้ง 3 ศพ" พอเขารู้ก็ถามอีกว่า "แล้วแมวอยู่ไหน" ซึ่งพอทุกคนได้ยินประโยคนี้เลยวงแตก รู้ว่าหญิงคนนี้ไม่ใช่ญาติผู้เสียชีวิต แต่เป็นญาติคนขับบีเอ็มฯ จากนั้นเขาได้เดินออกไปในความมืด โดยไม่ได้ถามอะไรอีก จนตนมาเห็นข่าว แม่พาลูกสาวคนขับเอ็มฯ มาที่โรงพัก เลยคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกัน

ขณะที่การเจรจาไกล่เกลี่ยได้นัดหมายกันอีกครั้งในวันที่ 8 ธันวาคมนี้


คุณอาจสนใจ

Related News