สังคม

ศึกชิงมรดก! แม่ร้องลูก 4 คน รวมหัวฮุบที่ดิน 60 ไร่ ลูกชายปัดไล่แม่ออกจากบ้าน แฉน้องสาวจัดฉาก

โดย paweena_c

17 มี.ค. 2566

2.9K views

กรณีลูก ไล่ออกจากบ้านหวังฮุบสมบัติ ล่าสุดลูกฝั่ฟง 4 คน ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่ได้ทำร้ายแม่ หรือไล่แม่ออกจากบ้าน เพื่อหวังฮุบสมบัติตามที่เป็นข่าว พร้อมระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากของลูกสาวคนที่ 5

คลิปเหตุการณ์ตอนที่ลูกชายทะเลาะ พร้อมด่าทอแม่ และน้องสาว ภายในบ้านที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา โดยด่าทอ ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและจิตใจของแม่ เพื่อแย่งสิทธิ์การครอบครองที่ทำกิน ทั้งบ้านและสวนยาง ที่แม่สร้างมาทั้งหมดไป พร้อมไล่แม่ น้องสาว และหลาน ๆ ออกจากบ้าน

อีกคลิป เป็นภาพที่แม่ย้ายออกจากบ้านที่พังงา มาอยู่กับลูกสาวคนที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วลูกชาย 3 คน ลูกสาว 1 คน ก็ตามมาข่มขู่กดดันแม่ โดยแม่ได้ให้ลูกสาวคนโตล็อกกุญแจบ้านให้แน่นหนา ไม่ให้ลูกทั้ง 4 คน เข้ามา พร้อมด่าทอลูกทั้ง 4 คน ว่าเป็นลูกทรพี ลูกอกตัญญู ที่คิดจะแย่งทรัพย์สมบัติ แต่ไม่เคยปรนนิบัติเลี้ยงดู

เมื่อลูกทั้ง 4 คน เข้าบ้านไม่ได้ ก็ประกาศว่าจะกลับมาหาแม่อีกครั้ง และจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง พร้อมกับจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับพี่สาวคนโต และลูกสาวอีกคนของแม่ ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวแม่ เหตุการณ์ในคลิปนี้เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยคุณยาย อายุ 87 ปี เล่าว่า ตนเองมีที่ดินทำกิน 60 ไร่ มีลูก 6 คน แต่ลูก 6 คน แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งที่ไม่ถูกกับแม่ มี 4 คน เป็นลูกชาย 3 คน และ ลูกสาว 1 คน อยู่ที่พังงา ส่วนฝั่งที่ดูแลแม่ มี 2 คน เป็นลูกสาว ตอนนี้อยู่ด้วยกันที่นครศรีธรรมราช

ที่ผ่านมาตนได้ทำพินัยกรรมแบ่งทรัพย์สินให้ลูกทุกคนไว้หมดแล้ว ยกเว้นลูกชาย 1 คน (สมชาย)ที่ตนไม่แบ่งมรดกให้ เหตุผลคือไม่สำนึกบุญคุณ ไม่เคยเลี้ยงดู ไม่เคยช่วยเหลือทำงาน และหายจากบ้านไปกว่า 10 ปี โดยพินัยกรรมมีลูก ๆ 4 คน เซ็นรับทราบ และตนได้กันบ้านและที่ดินรวม 14 ไร่ ที่พังงาไว้เป็นของตนเอง (ของแม่)พร้อมระบุว่าจะมอบให้กับลูกคนใดคนหนึ่ง ที่เลี้ยงดูตนในบั้นปลายชีวิต

ต่อมาลูกชายที่อยู่พังงาไปมีครอบครัวอยู่ภาคกลาง เหลือลูกชายคนโต (ประกาศิต) ยังอาศัยอยู่กับตนที่พังงา โดยตนได้สร้างบ้านให้อยู่อีก 1 หลัง ใกล้กับบ้านเดิมของตน

สุดท้ายแล้ว ลูก 4 คน ไม่มีใครสนใจเลี้ยงดูแม่ มีเพียงลูกสาวคนโตที่นครศรีธรรมราช และลูกสาวคนที่ 5 ที่เรียนจบดอกเตอร์ รับราชการอยู่กรุงเทพฯ ที่คอยส่งเสียดูแลตนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคนที่จบดอกเตอร์ เมื่อรู้ว่าไม่มีใครดูแลตน จึงลาออกจากงาน กลับมาอยู่กับตนที่พังงา

ตนจึงประกาศมอบบ้านและที่ดินที่ตนกันไว้ 14 ไร่ ให้กับลูกสาวคนโตที่นครศรีธรรมราช สร้างความไม่พอใจให้กับลูก 4 คน แล้วลูกชายที่หายออกจากบ้านไปนานกว่า 10 ปี กลับมาสมทบกับอีก 3 คน แล้วรวมตัวกันด่าทอ ข่มขู่ ทำร้ายร่างกายและจิตใจแม่ เพื่อแย่งสิทธิ์ครอบครองที่ทำกินในพื้นที่ 14 ไร่ ที่แม่กันไว้ ทำให้ต้องพาลูกสาวที่เป็นดอกเตอร์และหลาน ๆ หนีมาอยู่ที่นครศรีธรรมราช นานเกือบ 1 ปี แต่ 4 คนนี้ยังไม่เลิกพฤติกรรม ทำให้แม่หวาดกลัวมากและไม่อยากเจอหน้าทั้ง 4 คน จึงต้องล็อกประตูไม่ให้เข้าบ้าน

ด้าน คุณฟาฏินา ลูกสาวคนที่ 5 บอกว่า แม่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของลูก 4 คน ที่ตามราวีมานานเป็นปีแล้ว อ้างว่า บ้านและที่ดินที่แม่สร้างมา เป็นของเขาทั้ง 4 คน แม่ไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในทรัพย์สินทั้งหมด ซ้ำยังร่วมกันให้ข้อมูลเท็จต่อคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพังงา ซึ่งแม่เคยไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.คุระบุรี หลายครั้ง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

เพื่อให้ความเป็นธรรม เรามาฟังข้อเท็จจริงอีกฝั่งของลูก 4 คนบ้าง เริ่มจาก นายสมชาย ลูกชายคนที่ 4 บอกว่า ตัวเองได้รับที่ดินมรดกจากแม่จำนวน 14 ไร่ที่จังหวัดพังงา ซึ่งเป็นการแบ่งให้ตั้งแต่ปี 2535 เหตุการณ์ตอนนั้นมี พ่อ-แม่-รัตนาและนายสมชาย ซึ่งพ่อกับแม่ ได้แบ่งมรดกให้ด้วยปากเปล่า ฝั่งลูกผู้หญิง มีฟาฏินา, รัตนา และ วรณี ได้ที่ดินที่จังหวัดนครศรีธรรมราชคนละประมาณ 3 ไร่ ราคาขณะนั้นตกไร่ละประมาณ 300,000 บาท

ส่วนฝั่งลูกผู้ชายจะได้ที่ดินคนละประมาณ 14 ไร่ที่จังหวัดพังงาไร่ละประมาณ 2,000 บาท เป็นที่ดินลึกเข้าไปในป่า ต้องเดินเท้าห่างจากถนน 3 กิโลเมตร ซึ่งตั้งแต่ปี 2535 ทุกคนก็ตกลงและเข้าใจตรงกันตามนั้น ไม่มีใครเห็นแย้ง

ต่อมาช่วงปี 2564 ถึง 65 ฟาฏินา ก็ได้เออรี่ ออกจากราชการและกลับไปหาแม่ ปรากฏว่าลูกชายคนเล็กคือ นายอนันต์ ไปทราบมาว่าฟาฏินา แอบดำเนินการแบ่งที่ดินมรดกในจังหวัดพังงาที่ลูกชายเคยได้ คนละ 14 ไร่โดยจะเอาของนายสมชายไปเป็นของตัวเอง จึงทำให้เกิดปัญหาเริ่มทะเลาะเบาะแว้งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ส่วนประเด็นที่ฟาฏินา บอกว่า ว่านายสมชายทิ้งแม่ ไม่เคยกลับมาดูแลเกือบ 10 ปี นายสมชายเปิดภาพยืนยันกับทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ภาพแรกเป็นงานฮารีรายอ ตอนปี 2562 ที่นายสมชายเดินทางกลับไปบ้านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งในภาพก็จะมีฟาฏินาและครอบครัวด้วย

อีกภาพเป็นนายสมชาย ฟาฏินาและรัตนาไปเที่ยวทะเลด้วยกันตอนกรกฎาคม 2562 ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีปัญหาและมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

และอีกภาพตอนเดือน ธันวาคม 2563 ก่อนที่โควิดจะระบาดนายสมชายเดินทางกลับไปที่บ้านจังหวัดพังงา เพื่อไปเยี่ยมแม่ ซึ่งนายสมชาย ยืนยันว่า ไม่เคยทิ้งแม่ ตามที่ ฟาฏินา กล่าวอ้าง

สำหรับประเด็นเรื่องการตัดกล้องวงจรปิดนายสมชาย ชี้แจงว่า ว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของนายอนันต์ลูกชายคนสุดท้อง แต่กล้องวงจรปิดดังกล่าวทางฟาฏินาเป็นคนนำไปติด โดยที่นายอนันต์ไม่อนุญาต จึงทำให้มีการไปตัดกล้องวงจรปิดถึง 2 รอบ ซึ่งปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นนายสมชายบอกว่า ต้องการให้เป็นไปตามที่แม่เคยแบ่งไว้ให้ตอนปี 2535 ส่วนพินัยกรรมที่ทำขึ้นตอนปี 2564 มองว่าไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง

นางวรณี ลูกสาวคนที่ 3 กล่าวถึงปมปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งภายใน 6 คนพี่น้อง ซึ่งแบ่งเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่ง คือ ฟาฏินา ลูกสาวคนที่ 5 และรัตนาลูกสาวคนที่ 2 อีกฝั่งนึง เป็นฝั่งลูก 4 คน ประกอบด้วย ประกาศิต, สมชาย, อนันต์และวรณี

ซึ่งนางวรณีลูกสาวคนที่ 3 บอกว่า จริงๆแล้วตัวเองไม่ได้เลือกว่าจะอยู่ฝั่งไหน เพียงแต่ต้องการ ให้แม่แบ่งที่ดินมรดกตามเดิมที่เคยแบ่งเมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งลูกชายคนโตคือประกาศิตจะได้ที่มากที่สุดเพราะเป็นคนดูแลแม่มาตลอดก่อนหน้านี้

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นวรณีบอกว่า เป็นเพราะฟาฏินาลูกสาวคนที่ 5 เริ่มเข้ามามีบทบาท กลับมาดูแลแม่ได้ไม่กี่ปี ก็รวมหัวกับรัตนาลูกสาวคนที่ 2 เป่าหูแม่ให้แบ่งที่ดินมรดกใหม่ โดยเอาที่ดินในส่วนของประกาศิต สมชายและอนันต์ มาแบ่งเพิ่มให้กับฟาฏินาและรัตนา ซึ่งมีการนำชื่อของวรณี เข้าไปร่วมด้วยในการทำชื่อเสนอ คณะกรรมการอิสลาม จังหวัดพังงา ให้พิจารณาปมพิพาทที่ดินมรดกของแม่ขึ้นมาใหม่

โดยอ้างเหตุผลว่า 1.ลูกชายไม่ดูแลแม่ 2.ราคาที่ดินต่างกัน และ 3.ลูกชายด่าทอแม่ ซึ่งนางวรณี บอกว่าตัวเองได้ไปทำเรื่องขอถอนชื่อออกเพราะไม่เห็นด้วยกับฝั่งลูกสาว 2 คนนี้

ด้านนายอนันต์ ลูกชายคนเล็ก กล่าวว่า กรณีที่มีคลิปตนด่าแม่ ความจริงตนไม่ได้ด่า แค่ตนเป็นคนเสียงดัง และที่เสียงดัง เพราะโมโหที่ดอกเตอร์ฟา ลูกสาวคนที่ 5 ไม่ให้ลูก 3 คนคือตน นายสมชาย และวรณีเข้าบ้าน ซึ่งเกิดเหตุด่าทอแม่เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาแม่จะเชื่อฟังลูกสาวคนที่ 5 มาก

นายอนันต์ บอกอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการจัดฉากให้แม่พูด โดยพี่สาวชื่อรัตนา เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง โดยให้มีด๊อกเตอร์ฟาเป็นคนดำเนินการทุกอย่าง ซึ่งมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใครจะวิเคราะห์หรือเข้าข้างใครต้องดูให้ดี พร้อมยืนยันว่าหากไม่มีพี่สาวอยู่แล้ว พวกตนก็พร้อมดูแลแม่ได้อย่างดีเช่นกัน

ด้านนายประกาศิต ลูกชายคนโต บอกว่า เมื่อปี 2564 ฟาฏินา ได้เออรี่ออกจากงาน อ้างว่ามาดูแลแม่ และฟาฏินาก็ได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านที่พังงา แล้วก็มาไล่ตนออกจากบ้าน ตนต้องไปอยู่อีกบ้านหลังหนึ่ง ส่วนคลิปที่ว่าลูก ๆ ทำร้ายร่างกายแม่นั้นยืนยันไม่มี และไม่มีลูกคนไหนจะ ทำร้ายร่างกายแม่ หรือไล่แม่ออกจากบ้าน ซึ่งยืนยันว่าลูกทุกคนรักแม่ทุกคน

ขณะที่เพื่อนบ้าน ที่จังหวัดพังงา บอกว่า ไม่เชื่อว่าลูก 3 คนจะทำร้ายร่างกายแม่ ไล่แม่ออกจากบ้าน เพื่อฮุบสมบัติไม่เป็นความจริง



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/GHKpvWO6Omo

คุณอาจสนใจ

Related News