ทร.สรุปยอดกำลังพล ‘เรือหลวงสุโขทัย’ ช่วยแล้ว 76 นาย เสียชีวิต 6 ราย หลังค้นหามา 3 วัน

เป็นวันที่ 3 แล้ว กับปฏิบัติการค้นหากำลังพล หลังเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ยังมีกำลังพลที่ต้องเร่งค้นหาอีก 23 นาย จากทั้งหมด 105 นาย เสียชีวิต 6 ราย

เมื่อวานนี้ (20 ธ.ค. 65) ทางผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ พร้อมด้วย พลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ ได้แถลง ไล่เรียงไทม์ไลน์ถึงเหตุการณ์ที่ขึ้น ตั้งแต่เรือหลวงสุโขทัยออกจากฐานทัพเรือสัตหีบไปปฏิบัติภารกิจสนับสนุนงานครบรอบ 100 ปีกรมหลวงชุมพรที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. แต่สภาพอากาศไม่สามารถเทียบเรือได้ จึงขอกลับมาจอดที่ท่าเรือบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ แต่ระหว่างทางมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นสูง 3-4 เมตร และพบเรือสินค้าจมหลายลำ

ขณะที่เรือหลวงสุโขทัย เกิดปัญหาน้ำเข้าเรือจำนวนมากจากบริเวณหัวเรือ ทำความเสียหายแก่ระบบไฟ และเครื่องจักร กำลังพลพยายามแก้ไข แต่ไม่สามารถสู้กับกระแสน้ำทะเลที่เข้ามาได้ น้ำท่วมระบบเครื่องจักรหลายส่วน จนมีสภาพเรือเอียง

ผู้บัญชาการทหารเรือ ยืนยันว่า ระหว่างเรือหลวงสุโขทัยประสบปัญหา ทัพเรือภาคหนึ่ง ได้สั่งการเรือหลวงอ่างทอง เรือภูมิพล พร้อมอากาศยานเข้าช่วยเหลือทันที รวมถึงเรือหลวงกระบุรีที่อยู่ใกล้ที่สุด โดยทีทางเรือหลวงสุโขทัยก็ยังไม่ตัดสินใจปล่อยกำลังพลลงแพชูชีพ เพราะคลื่นลมแรงมาก และคาดหวังว่า เรือหลวงสุโขทัย จะเอียงในลักษณะคงที่ แต่เรือกลับเอียงมากขึ้นจนจมลง และเกิดความชุลมุน กำลังพลพยายามว่ายน้ำไปที่เรือหลวงกระบุรี

ขณะที่ บางส่วนก็ใช้แพชูชีพให้กับกำลังพลที่ไม่มีเสื้อชูชีพ เรือหลวงกระบุรี พยายามส่งเชือก ส่งบันไดลิง และส่งเรือเล็กลงไปช่วยกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย นอกจากนี้ยังมีเรือสินค้า เรือน้ำมัน เรือทัก เข้ามาช่วยด้วย ทำให้สามารถช่วยเหลือกำลังพลได้ ในวันเกิดเหตุ 75 นาย จากทั้งหมด 105 นาย สูญหายเวลานั้น 30 นาย

ส่วนประเด็นที่มีกำลังพล ให้สัมภาษณ์ว่า มีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอนั้น ผบ.ทร. ยอมรับว่า เรือรบหลวงสุโขทัย ทราบปัญหาตรงนี้ดีว่ามีเสื้อชูชีพไม่พอกับกำลังพล เพราะในวันเกิดเหตุ นอกจากต้องออกลาดตระเวน เรือหลวงสุโขทัย ยังต้องนำกำลังพล ไปร่วมในพิธีครบรอบ 100 ปี เสด็จเตี่ย ที่ จ.ชุมพร ด้วย ทำให้มีกำลังพลไปกับเรือเพิ่มเติม และไม่มีเสื้อชูชีพ 30 นาย ซึ่งใน 30 นายนี้ ช่วยเหลือได้ 18 นาย อีก 12 นาย ยังเป็นผู้สูญหาย

“การมีเสื้อชูชีพไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะรอดชีวิตและได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาบนเรือ เพราะนอกจากเสื้อชูชีพแล้ว ยังมีมาตรการอื่นๆ อีก มีการกำหนดว่าใครจะขึ้นแพชูชีพก่อน และ อย่ามองว่าคนไม่มีเสื้อชูชีพทั้ง 30 คนจะสูญเสียทั้งหมด เพราะเขามีการเตรียมพร้อม ช่วยกันอย่างไร สภาพอย่างนั้นทุกคนต้องช่วยเหลือกันและกัน ต้องเรียนว่าเป็นเหตุฉุกเฉิน ไม่ได้เตรียมการ เรือจมรวดเร็ว ฉุกละหุกมาก” ผบ.ทร.กล่าว

และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผบ.ทร. ได้สั่งตั้งกรรมการจะสอบตั้งแต่ ผู้การเรือ ไปจนถึง กำลังพลทุกนาย ถึงขั้นตอนปฏิบัติ เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เป็นสาเหตุของเรือจม รวมถึงปัญหาเสื้อชูชีพไม่พอกับกำลังพล ต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่กองทัพเรือด้วย

และยืนยันว่ากองทัพเรือจากทำทุกอย่างๆ เต็มความสามารถในการช่วยเหลือกำลังพลทั้งหมด จะนำกลับบ้านให้ได้ทุกนาย และจะเยียวยา ให้กับครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ได้รับบาดเจ็บตามกระบวนการ

สำหรับยอดกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย ข้อมูล เมื่อ เวลา 09.21น. กำลังพลทั้งหมด 105 นาย ได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยแล้ว 76 นาย เสียชีวิต 6 นาย อยู่ระหว่างค้นหา 23 นาย

ซึ่งกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย แบ่งเป็น 3 หน่วยด้วยกัน ได้แก่

- กำลังพลประจำเรือหลวงสุโขทัย ทั้งหมด 75 นาย ช่วยเหลือได้ปลอดภัย 57 นาย อยู่ระหว่างค้นหา 14 นาย เสียชีวิต 4 นาย

- กำลังพลนาวิกโยธิน มีทั้งหมด 15 นาย ช่วยเหลือได้ปลอดภัย 8 นาย อยู่ระหว่างค้นหา 6 นาย เสียชีวิต 1 นาย

- กำลังพลจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หรือ สอ.รฝ. มีทั้งหมด 15 นาย ช่วยเหลือได้ 11 นาย อยู่ระหว่างค้นหา 3 นาย เสียชีวิต 1 นาย

รวม ได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยแล้ว 76 นาย เสียชีวิต 6 นาย และ อยู่ระหว่างค้นหาอีก 23 นาย ซึ่ง วันนี้ ยังต้องค้นหาต่อไป

และจากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม รับกำลังพลของเรือหลวงที่บาดเจ็บและเสียชีวิตทุกนายให้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์

ขณะเดียวกัน สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้พระราชทานยาและเวชภัณฑ์ ที่จำเป็นให้กับกำลังพลและผู้ประสบภัยทุกนายด้วย