สังคม

ลำพูนอ่วม! มวลน้ำจากเชียงใหม่ทะลักท่วม บางจุดเกือบปริ่มบ้านชั้น 2 - เชียงใหม่ยังไม่พบ ผู้สูญหายเรือล่ม

โดย petchpawee_k

9 ต.ค. 2567

11 views

ลำพูนอ่วม! มวลน้ำจากเชียงใหม่ทะลักท่วม บ้านหนองช้างคืน บางจุดเกือบปริ่มบ้านชั้น 2 ชาวบ้าน เผย น้ำยังขึ้นต่อเนื่อง พบน้ำเป็นสีดำ เริ่มส่งกลิ่นเน่าแล้ว ป้าวัย 62 น้ำตารื้น บอกเกิดมาไม่เคยเจอ ส่วนที่จ.เชียงใหม่ น้ำเริ่มลด ชาวบ้านเผยน้ำมาไวมาก ยกของสูงแล้วสูงอีกก็ไม่รอด ด้านผู้สูญหายเหตุเรือคว่ำยังไม่พบตัว

กรณีน้ำปิงทะลักท่วม หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน และเขตเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ได้รับผลกระทบกินพื้นที่เป็นวงกว้าง  ซึ่งในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ หลังจากน้ำแห้งแล้ว  มวลน้ำก็ไหลมาทางอำเภอสารภี จ.เชียงใหม่ แล้วมุ่งหน้าระบายลงสู่อำเภอเมือง จ.ลำพูน ส่งผลให้ในอำเภอเมือง จ.ลำพูน ขณะนี้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแล้ว

ทีมข่าวลงพื้นที่ ต.หนองช้างคืน อ.เมือง จ.ลำพูน ตำบลแรกๆที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งลงพื้นที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนค่ำ  พบว่าหลายหมู่บ้านถูกน้ำท่วมสูงแล้ว ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มต่ำ  บางจุดสูงมากว่า 1.5 เมตร บางจุดน้ำเกือบปริ่มบ้านชั้น 2 โดยชาวบ้านบอกว่าช่วงที่ทีมข่าวลงพื้นที่ น้ำยังขึ้นต่อเนื่อง แต่น้ำนิ่งไม่ไหลเชี่ยว โซนนี้พบว่าน้ำเป็นสีดำและเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว

จุดนี้ ส่วนใหญ่ไม่มีภาพการอพยพคนแล้ว  เนื่องจากทยอยอพยพ ออกจากบ้านตั้งแต่คืนก่อน แต่มีบางส่วนที่ประสงค์จะเฝ้าบ้าน   นอกจากนี้ ยังพบว่าตามสองฝั่งข้างทาง ชาวบ้านช่วยกันขนของหนีน้ำกองไว้บนถนน บางบ้านต้องกางเต็นท์นอนบนถนนหน้าบ้าน เฝ้าของท่ามกลางความมืด เพราะบางจุดมีไฟฟ้าใช้บางจุดไม่มี

เวลา 19.00 น. ทีมข่าวยังคงติดตามสถานการณ์ พบว่าน้ำในพื้นที่หมู่ 2 และหมู่ 4 เพิ่มขึ้นเกือบ 10 ซม.   และยังพบกับบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 4 ที่มีการกางเต็นท์ขนาดเล็กนอนท่ามกลางความมืดทีมข่าวลงไปดู  ปรากฏว่าจุดดังกล่าว เป็นบ้านของลุงเบิ้ม วัย 70 ปี และป้าสมวัย 67 ปี สองสามีภรรยา   ที่บ้านชั้นเดียวถูกน้ำทะลักท่วมสูงเกือบอก

โดยลุงเบิ้ม และป้าสมวัย   เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ครั้งนี้หนักหนาสาหัสสุดยอด มันไม่เคยมีแบบนี้  วันก่อน 3 ทุ่มน้ำยังมานิดหน่อย  กระทั่งตี 1-3 มาเต็มเลย  เก็บของจากในบ้านออกมาได้บางส่วน ส่วนในบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ยังเสียหายอีกเพียบ  เสียใจมาก หดหู่มากที่มาเห็นสภาพแบบนี้  เป็นครั้งแรกในชีวิต

คุณลุงบอกว่า ตอนนี้ไฟฟ้าก็ถูกตัดไปแล้ว   ตัวเองต้องมากางเต็นท์นอนหน้าบ้าน  ส่วนคุณป้าให้ไปนอนบ้านเพื่อนบ้าน   ส่วนที่ลุงต้องมานอนกางเต็นท์ ก็เพื่อเฝ้าของด้วย ถ้าไม่นอนตรงนี้ ก็ไม่รู้จะนอนตรงไหนแล้ว และไม่รู้จะเป็นแบบนี้ไปอีกกี่วัน ไม่รู้จะแห้งตอนไหน อีกอย่างน้ำก็เน่าด้วย

ย้อนกลับไปช่วงบ่าย ทีมข่าวลงพื้นที่ หมู่ 2 ต.หนองช้างคืน  พบกับคุณป้าแกมทอง อายุ 58 ปี ที่กำลังทยอยขนของ หอบหิ้วพัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้าออกจากบ้านที่ถูกน้ำท่วม ออกมาฝากไว้บ้านเพื่อนบ้านที่ติดกับถนน

จากนั้นคุณป้าแกมทอง พาทีมข่าวเข้าไปสำรวจภายในบ้าน  ซึ่งบ้านของคุณป้าเป็นบ้านชั้นเดียว ถูกน้ำท่วมเกือบระดับเอวแล้ว   ป้าแกมทองอาศัยอยู่กับพี่สาว คือ คุณป้าคำไสย อายุ 62 ปี กับหลานสาวอีกหนึ่งคน ส่วนข้าวของภายในบ้านเกินกว่าครึ่งถูกน้ำทะลักท่วมพังเสียหาย   ขณะที่อีกฝั่งเป็นร้านเย็บผ้า น้ำทะลักท่วมเล็กน้อย แต่เครื่องจักเย็บผ้าและผ้าของลูกค้าบางส่วนถูกยกขึ้นสู่ที่สูงก่อนแล้ว ซึ่งกู้ภัยเข้ามาช่วยตั้งแต่คืนก่อน


ในขณะที่ป้าแกมทอง พาทีมข่าวสำรวจบ้านนั้น  คุณป้าคำไสย พี่สาว และหลานสาวกำลังทยอยขนของที่ยังสามารถใช้ได้ออกไว้ข้างนอกก่อน อะไรที่หยิบได้ก็หยิบออกมา รวมทั้งไข่ไก่ที่เหลืออยู่ครึ่งแผง คุณป้าบอกว่าก็หยิบออกมาด้วย


ต่อมาคุณป้าแกมทอง และคุณป้าคำไสย 2 พี่น้อง  น้ำตารื้นเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า มันหนักหนาสาหัสมาก รับมือแทบไม่ทัน มันเป็นครั้งแรกในชีวิต 62 ปีเพิ่งเคยเจอ ปกติจุดนี้ไม่ท่วมแต่ก็ต้องสู้ต่อไป

คุณป้า ยังเล่าด้วยว่า บ้านตัวเองเก็บของตั้งแต่วันก่อน  เพราะไม่รู้น้ำจะขึ้นจะลงบางช่วงน้ำลง ก็ใจชื้นขึ้นมาแล้ว  แต่พอย้อนกลับมา ปรากฏว่าน้ำขึ้นมาอีก และตอนที่ให้สัมภาษณ์อยู่น้ำก็กำลังทยอยขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าสุดมากไม่เคยเจอ จากนี้ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ส่วนที่หลับที่นอน ตอนนี้ไปขออาศัยเพื่อนบ้านด้านหน้าที่ยังไม่ท่วม  

คุณป้าทั้งสองถึงกับปล่อยโฮ และขอบคุณทีมกู้ภัยที่เข้ามาช่วยขนของ ทำให้ยังพอมีของที่ไม่เสียหายบ้าง  ขอบคุณจากใจจริงๆ ส่วนรัฐบาลหากช่วยเหลือได้ก็คงดีเช่นกัน

ขณะที่ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.หนองช้างคืน ที่อยู่ติดกับหมู่ 2  พบว่า หลายสิบหลังคาเรือนที่อยู่ในจุดลุ่มต่ำ ช่วงหนึ่ง ทีมข่าวลงเรือสำรวจพร้อมกับทีมจิตอาสาบารมีพ่อแก่ จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งโซนนี้ชาวบ้านปลูกต้นลำใยมาก ถูกน้ำท่วมทั้งโซน  และยังพบว่า บางบ้านน้ำท่วมสูงเกือบปริ่มชั้น 2  บางจุดท่วมเกือบสูงกว่ากำแพงบ้าน ส่วนข้าวของ ตู้ เตียง ลอยเสียหายจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านส่วนใหญ่ถูกอพยพไปก่อนหน้านี้แล้ว  เนื่องจากมีการประกาศแจ้งเตือนจากทางหน่วยงาน  แต่มีบางส่วนที่ประสงค์เฝ้าบ้าน   ช่วงที่ทีมข่าวล่องเรือไปสำรวจ แจกข้าวและอาหารพร้อมกับทีมกู้ภัยฯ พบกับคุณลุงแสวง อายุ 66 ปี   ที่อาศัยอาศัยอยู่ในบ้านไม้ยกสูงชั้นเดียว  ซึ่งระดับน้ำตรงนั้นพบว่าสูงประมาณ  1.50 เมตร

จังหวะที่คุณลุงออกมารับอาหารและน้ำจากกู้ภัย  คุณลุงเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า สถานการณ์น้ำ หนักมาก ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ไม่เคยท่วมจุดนี้  ปีนี้น้ำมาไวมาก คืนเดียวท่วมทุกพื้นที่  ตอนเย็นมาถึงแค่ตาตุ่ม  แต่พอเที่ยงคืนท่วมเกือบเอว ล่าสุดถึงระดับอกแล้ว   พอเห็นน้ำก็รู้สึกท้อใจไม่รู้ว่าน้ำจะลดเมื่อไหร่

ลุงแสวง ยังเล่าว่า ครอบครัวตัวเองอยู่ด้วยกันหลายคน  บางส่วนออกไปอยู่อาศัยบ้านญาติแล้ว แต่ตัวเองขออยู่ที่บ้านดีกว่าเพราะไม่อยากรบกวนเขามาก

ช่วงที่ทีมข่าวลงพื้นที่ หมู่ 4 พบกับครอบครัวของคุณวรวัช อายุ 44 ปี  ที่กำลังนั่งอยู่หน้าบ้านกับลูกสาว มีการกางเต้นท์ขนาดใหญ่พักอาศัยชั่วคราว  เนื่องจากบ้านและร้านซ่อมรถ  ถูกน้ำท่วม สูงมิดคอ ข้าวของขนขึ้นมาได้บางส่วนก็กองไว้อยู่ตรงนั้น และช่วงกลางคืน คุณวรวัช ก็คงต้องนอนบริเวณดังกล่าวเฝ้าของ  นอกจากนี้ยังพบว่าครอบครัวนี้เลี้ยงเต่าไว้ 6 ตัว แต่อพยพออกมาได้เพียง 4 ตัวเท่านั้น

ระหว่างที่ลงพื้นที่หมู่ที่ 4 เจอกับคุณป้ารี ที่หน้าบ้านของคุณป้า เต็มไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้ เตียงที่เป็นไม้ รูปภาพไม้แกะสลักต่างๆ ที่ขนออกมาจากบ้านเยอะมาก เพราะกลัวว่าน้ำจะขึ้นมาอีก   ซึ่งของบางอย่างเปียกน้ำ แต่ป้ารีไม่ทิ้ง กลับนำผ้าเช็ดแล้วตากให้แห้ง นั่นคือรูปลูกสาวและการ์ดที่ลูกเขียนคำอวยพรให้พ่อและแม่เนื่องในวันปีใหม่ปี 2564 เนื่องจากการ์ดนี้ ป้ารี บอกว่ามีคุณค่าทางใจมาก ข้อความหน้าการ์ดระบุว่า ”Happy New Year 2021 MOM พร้อมกับรูปหัวใจ ส่วนของพ่อก็เป็นแบบเดียวกัน ซึ่งการ์ดนี้ลูกเขียนถึงพ่อและแม่ บางประโยคบอกรัก บางประโยคอวยพร ขอให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นครอบครัวอย่างนี้ไปนานๆ  ปีใหม่แล้วเลิกด่ากันให้น้อยลง ฯลฯ ซึ่งการ์ด 2 ใบนี้ ป้ารี บอกว่ายังไงก็ทิ้งไม่ได้เด็ดขาดเพราะมีคุณค่าทางใจมาก

------------------------------------

ส่วนกรณีน้ำปิงทะลักท่วม หลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน และเขตเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ได้รับผลกระทบกินพื้นที่เป็นวงกว้าง   กระทั่งช่วงค่ำวันก่อน ปรากฏว่าน้ำ เคลื่อนตัวจากอำเภอเมือง มายังอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่  ส่งผลให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วม


วานนี้ 8 ตค.67 ทีมข่าวยังคงเกาะติดสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ระดับน้ำ ใน อ.สารภี หลายจุดน้ำเริ่มลดระดับลงแล้ว  โซนนี้สังเกตได้ชัดจากเลียบทางรถไฟ อ.สารภี น้ำลดจนเห็นรางรถไฟ โดยถนนเลียบทางรถไฟทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกน้ำเริ่มแห้ง รถสัญจรไปมาได้ปกติ มีบางจุดที่มีขังระดับตาตุ่มเท่านั้น

ช่วงเที่ยงทีมข่าวลงพื้นที่ภายในหมู่บ้านเชียงแสน  ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พบว่า ระดับน้ำลดลงเหลือระดับประมาณเข่าแล้ว  บางจุดลดลงจนเหลือระดับตาตุ่ม

ทีมข่าวเดินสำรวจต่อ เจอบ้านหลังหนึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น ของคุณป้าราตรี อายุ 72 ปี  บริเวณหน้าบ้านน้ำยังท่วมสูงอยู่ระดับเข่า แต่ในตัวบ้านน้ำแห้งแล้ว คุณป้าราตรีและสามีจึงได้ลงจากชั้น 2 ของบ้าน  มาทำความสะอาดบ้าน   ส่วนข้าวของ  เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรทัศน์ เครื่องนอนเสียหายทั้งหมด  ต้องนำมากองรอทิ้งอยู่หน้าบ้าน

ป้าราตรี เล่าว่า ตอนน้ำมา มาไวมาก ยกของขึ้นที่สูงไม่ทันยกขึ้นที่สูง ย้ายแล้วย้ายอีก สูงแล้วสูงอีกก็ไม่ทัน  ครั้งนี้น้ำสูงมาก สูงแทบมิดหัว   ก่อนน้ำรอบล่าสุดมา 2-3 วัน ตนเพิ่งล้างบ้านเสร็จ  ปรากฏน้ำมาซ้ำ แถมหนักกว่าเดิม เกิดมา 72 ปี ไม่เคยเห็น เพราะครั้งนี้น้ำมันมาพร้อมกับโคลนตม   อีกอย่างน้ำสูงมิดหัว ลงบ้านไม่ได้ ใจไม่ดี เหมือนกับน้ำมันท่วมหัวใจ   ส่วนตัวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหน่วยงานจะช่วยอย่างไร  เพราะบ้านตัวเองก็เสียหายทั้งหมด  ขอฝากถึงรัฐบาลว่า หากมาช่วยก็ดีใจ แต่ก็เข้าใจเพราะหลายพื้นที่เสียหายเยอะ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง “มาช่วยสักหน่อยก็ดีใจแล้ว เพราะมันเป็นช่วงยามทุกข์ยามยากของประชาชน”

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ อ.สารภี เมื่อวันที่ 6 ตค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุเรือกู้ภัยล่ม หลังจากฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวออกมา จากการไปช่วยอพยพคน บริเวณบ้านกานกนกทาวน์ 1 ทางเลียบรถไฟเชียงเเสน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ คุณป้านุพิน ถายศ อายุ 71 ปี ซึ่งข้อมูลตอนแรกมีการระบุว่าสามารถช่วยผู้สูญหายได้ครบแล้ว โดยขณะนั้นมีผู้โดยสารมากับเรือทั้งหมด 9 คน เป็นชาวบ้าน 6 คน และทีมกู้ภัย 3 คน ทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ


ต่อมามีการร้องมายังกู้ภัย  ว่ายังมีผู้สูญหายอีกหนึ่งราย คือ คุณป้าอำพร ปทุมวัน อายุ 57 ปี   ซึ่งนั่งมาในเรือลำดังกล่าวขณะอพยพด้วย ตอนเกิดเหตุสวมเสื้อสีแดงคอกลม กางเกงขาสั้นสีดำ  ครอบครัวร้องขอให้ช่วยค้นหา  ทางกู้ภัยเปิดปฏิบัติการค้นหาตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. จนกระทั่ง 21.00 น. ยังไม่พบ  และได้เริ่มค้นหาอีกครั้งในช่วงสายวานนี้ (8 ต.ค.67)   โดยค้นหาตั้งแต่จุดที่เรือคว่ำ  ยาวเรื่อยมาตามทางเลียบทางรถไฟ  ซึ่งเป็นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมมิดหัว กู้ภัยบางส่วนต้องนั่งเรือสำรวจค้นหา  บางส่วนสวมชูชีพลอยคอค้นหา โดยเฉพาะช่วงที่เป็นร่องน้ำ และมีต้นบอนเยอะ  ซึ่งสามีของคุณป้าอำพร คือ คุณลุงบุญส่ง เดินทางมาตั้งแต่เช้า สวมใส่เสื้อตัวเดิม เพื่อเฝ้าติดตามการค้นหา


ช่วงหนึ่งขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่สำรรวจความเสียหายบ้านคุณป้าราตรี ที่บ้านถูกน้ำท่วม คุณป้ายังได้เล่าถึงกรณีเรือคว่ำด้วยว่า ได้ยินเสียงตอนเรือคว่ำ ตอนนั้นมีเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย “ช่วยด้วยๆ”  วันเกิดเหตุ ตอนนั้นตนนั่งอยู่บนดาดฟ้า มองเห็นว่าน้ำมันเชี่ยวมาก  ส่วนตัวรู้สึกว่าเรือมันเล็ก อพยพได้ลำบาก  เพราะน้ำมันเชี่ยวมาก  มองว่าต้องเป็นรถทหารยกสูงเท่านั้น แต่พอใช้เรือ สุดท้ายเรือก็คว่ำ



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/EAuvPhGY_T8

คุณอาจสนใจ

Related News