สังคม

สุดงง! แม่พาลูกไปทำบัตรปชช. แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ อ้าง ‘หน้าแม่กับลูกไม่เหมือนกัน’

โดย paweena_c

1 ธ.ค. 2565

112 views

“เด็กวัย 14” นั่งรถทัวร์ กว่า 1,000 กม. ตามหาแม่รับรองทำบัตรประชาชน กลับถูกเจ้าหน้าที่ปฏิเสธ อ้าง "หน้าแม่กับลูกไม่เหมือนกัน" เหน็บต่างชาติธุรกิจสีเทาได้สัญชาติ แต่นี่คนเป็นคนไทยแท้ๆ กับทำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.วิไล ทองตัน อายุ 40 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ และเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.เชียงราย น.ส.วิไล เล่าว่า ตนเองได้แยกทางกับสามี ตั้งแต่ลูกสาวคลอดได้ไม่นาน หลังจากนั้นสามีไปทำงานประเทศเกาหลี แล้วไม่เคยกลับบ้านเลย ส่วนลูกสาวให้ปู่กับย่าเลี้ยงที่เชียงราย ซึ่งตนกับลูกไม่เคยติดต่อกันเลย

ต่อมาตนได้สามีใหม่ย้ายมาอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ลูกสาวได้แอดขอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก หลังค้นหาชื่อแม่เจอในใบเกิด

จากนั้นลูกสาวได้เล่าปัญหาให้ฟังว่า ตอนนี้ยังไม่มีบัตรประชาชน เพราะไม่มีพ่อแม่พาไปทำบัตรให้ ตนจึงให้ลูกสาวนั่งรถทัวร์จากเชียงราย มาที่บุรีรัมย์ ระยะทางร่วม 1,000 กม. เพื่อหวังให้แม่มารับรองทำบัตรประชาชนให้ รุ่งเช้าได้นำหลักฐานเป็นสูติบัตร (ตัวจริง) สำเนารับรองผลการเรียน สำเนารับรองการเป็นนักเรียน และสำเนาประจำตัวบัตรนักเรียน มาที่ว่าการอำเภอ เพื่อขอทำบัตรประชาชน แต่ได้รับคำตอบว่า "ทำไม่ได้" เพราะ "หน้าแม่กับหน้าลูกไม่เหมือนกัน"

ต่อมาจึงไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน แนะนำให้ย้ายลูกมาที่ อ.หนองหงส์ ก่อน เพื่อทำตามขั้นตอนของฝ่ายทะเบียนราษฎร์ จึงย้ายปลายทางที่ อ.หนองหงส์ เพื่อขอทำบัตรประชาชน แต่เจ้าหน้าที่ยืนยัน "ทำไม่ได้" ตอนนี้วิ่งเต้นมา 2-3 ครั้งแล้ว ได้รับคำตอบเดิมคือ "ทำไม่ได้" เจ้าหน้าที่บอกว่า "ต้องเอาเอกสารตัวจริงมาเท่านั้น" จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานราชการไทย ช่วยทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ เพราะข้อมูลทะเบียนราษฎร์ มันเชื่อมโยงกันทั้งประเทศอยู่แล้ว ตรวจสอบได้ทั้งหมด

ด้าน น.ส.วสุนันทา ละเอียด ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอำเภอหนองหงส์ กล่าวว่า ทางอำเภอทำไปตามขั้นตอน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องมีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้แน่นอน หากตรวจสอบได้ว่าเป็นคนไทย ก็พร้อมจะดำเนินการให้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนายอำเภอว่า จะอนุมัติหรือไม่

ล่าสุด ด.ญ.เอ ได้โทรศัพท์ไปหาครูและผู้ใหญ่บ้านที่บ้านเกิด โดยครูจะส่งหลักฐานตัวจริงมาให้ทั้งหมดทางไปรษณีย์แบบ EMS มาที่บุรีรัมย์ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะมาถึงภายใน 1-2 วันนี้ โดยนางวิไล ถึงกับต้องบนบานศาลกล่าว ขอให้ลูกสาวได้ทำบัตรประชาชน

โดยทางปลัดอำเภอฯ บอกว่า "ถ้าได้เอกสารตัวจริงมาทั้งหมดจะทำบัตรประชาชนให้" แต่ตนเองก็ยังหวั่นใจว่า ถ้าได้เอกสารมาครอบ ทางอำเภอจะออกบัตรฯ ให้ลูกสาวได้จริง หรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News