สังคม

แฉยับ! สองแม่ลูกหลอกยืมเงินคนทั้งซอย อ้างปลดล็อกบัญชี 100 ล้าน เหยื่อสาปส่งเสียหายอื้อ

โดย chutikan_o

3 พ.ย. 2565

1.2K views

ชาวบ้านย่านบางพลีแฉยับ สองแม่ลูกสุดแสบ หลอกยืมเงินคนทั้งซอย อ้างมีเงินในบัญชีกว่า 100 ล้านบาท แต่ถูกอายัดต้องรอปลดล็อก เหยื่อมีทั้งคุณตา 88 ปี ยอมขายที่ดินเอาเงินที่เก็บทั้งชีวิตให้ ญาติถูกหลอกเสียทองหนักร่วม 100 บาท ถูกแจ้งความยังหลอกคนซ้ำ จนเหยื่อสาปส่ง เกิดชาติหน้าขอให้เป็นใบ้ จะได้ไม่ไปหลอกคนอื่นอีก


ผู้สื่อข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ไปพบกับลุงปุ๋ย ป้าแหม่ม สองสามีภรรยา หนึ่งในเหยื่อที่ถูก น.ส.ปู และ น.ส.มาย สองแม่ลูกหลอกยืมเงิน ทางป้าแหม่ม กล่าวว่า ป้าและสามีเป็นน้าแท้ๆ ของ น.ส.ปู ได้เลี้ยงดู น.ส.ปู มาตั้งแต่เด็กจนมีลูก มีครอบครัว ไม่คิดว่าหลานจะมาหลอก ซึ่งป้าถูกหลอกมาตั้งแต่ปี 2547 ต่อเนื่องถึงปี 2560 จนเสียทองคำรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 100 บาท บ้านพร้อมที่ดิน 3 ไร่เศษ เงินสด และรถยนต์ ให้กับ 2 แม่ลูกคู่นี้


ตอนแรกมาอ้างว่า ขอยืม สุดท้ายกลับมาเอารถไปจำนำ และที่เจ็บใจที่สุด คือ ตอนที่ป้าบวชลูกชาย น.ส.ปู กลับมาทำดีด้วย บอกว่า จะร่วมบุญงานบวช จะช่วยจัดการเรื่องโต๊ะจีนให้ เป็นเงินกว่าแสนบาท สุดท้ายกลับหายตัวไปดื้อๆ ทิ้งค่าโต๊ะจีนให้จ่ายแสนกว่าบาท โชคดีที่ร้านโต๊ะจีนเห็นใจ ร่วมทำบุญด้วยครึ่งหนึ่ง


ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายมาตามหาสองแม่ลูกที่บ้านที่ ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพราะ น.ส.มาย ไม่ไปฟังที่ศาลนัดพิจารณาคดี จนถูกออกหมายจับ จึงทราบว่า สองแม่ลูกไม่กลับบ้านมาหลายปีแล้ว เพราะหลอกยืมเงินคนในซอยแทบทุกหลัง


ป้าในฐานะที่เป็นญาติ รู้สึกอับอายและโกรธมาก ถึงขั้นประกาศเลยว่า ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ เกิดชาติหน้าขอให้เป็นใบ้ จะได้หลอกใครไม่ได้อีก และเชื่อว่า ที่ทั้งคู่ทำไปเพราะเป็นที่สัน-านแก้ไม่หาย ถ้าเจอหน้าอยากจะถามว่า เงินที่หลอกเขาไป เอาไปทำอะไร


ตาแก้ว อายุ 88 ปี ผู้เสียหายอีกราย มีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกับบ้านของสองแม่ลูก กล่าวว่า ตารู้จักกับบ้านของ 2 แม่ลูกตั้งแต่รุ่นตายาย ตอนที่สองแม่ลูกเข้ามาขอยืมเงิน ได้อ้างว่า ที่บ้านกำลังจะขายที่ดินมรดกจากตายายที่เสียไป และมีเงินในบัญชีอีก 85 ล้านบาท แต่บัญชีถูกอายัด ต้องใช้เงินไปปลดล็อกบัญชี ถ้าปลดล็อกบัญชีและขายที่ดินได้ จะนำเงินไปลงทุน และจะคืนให้ตา 100 ล้านบาท


ตาไม่มีความรู้เรื่องนี้ และด้วยความสงสาร จึงยอมขายที่ดิน 3 ไร่ ที่สัตหีบ เข็มขัดทอง 1 เส้นหนัก 20 บาท สร้อยทองรูปพรรณอีก 20 กว่าบาท พร้อมเงินสด 2.8 ล้านบาท รวมเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท ให้กับสองแม่ลูกคู่นี้ไป สุดท้ายก็หาย และขาดการติดต่อ เคยไปแจ้งความที่ สภ.บางแก้ว แต่เรื่องผ่านมาเกือบ 10 ปี ก็ไม่มีความคืบหน้า จนถึงตอนนี้ตาถอดใจแล้วเรื่องที่คิดว่าจะได้เงินคืน แต่ไม่คิดว่า สองแม่ลูกคู่นี่ยังไม่เลิกพฤติกรรมหลอกยืมเงินชาวบ้าน


ขณะที่ น.ส.เฟิร์น อายุ 25 ปี ผู้เสียหายรายล่าสุด กล่าวว่า เป็นเพื่อนกับ น.ส.มาย มาตั้งแต่สมัยอนุบาล ถูก น.ส.มาย หลอกว่า กำลังจะโอนที่ดินที่ได้มรดกมา แต่ขาดเงินค่าโอน ค่าจดจำนอง ประมาณ 100,000 บาท จึงขอยืมก่อน เธอเชื่อจึงโอนเงินไปให้


แต่พอเธอทวงเงินก้อนแรกคืน น.ส.มายจะอ้างว่า ต้องถอนเงินจากบัญชี มียอดเงินกว่า 85 ล้านบาท แต่บัญชีถูกอายัด ต้องรอปลดล็อกบัญชี ส่วนอีกบัญชีมายแคปหน้าจอให้ดู เป็นยอดรอเคลียริ่งเช็คธนาคาร 4.5 ล้านบาท พร้อมบอกว่า เฟิร์นไม่ต้องห่วงนะ ถ้าได้เงินสองก้อนนี้เมื่อไหร่ จะคืนให้ทันที ทั้งต้นทั้งดอก เธอจึงหลงเชื่ออีก และเสียเงินให้กว่า 5 ล้านบาท


ก่อนจะมารู้ทีหลังว่า มายปลอมแปลงเอกสารของธนาคารแห่งหนึ่งด้วย เป็นเอกสารที่ทำเรื่องขอปลดอายัดบัญชี และเชื่อว่ามายปลอมสมุดบัญชีธนาคารด้วย ที่ผ่านมาพยายามทวงถามขอเงินคืนหลายครั้ง แต่มายก็จะสร้างสถานการณ์ว่า ตัวเองกำลังหนีหนี้เงินกู้นอกระบบ


แถมยังส่งแชทการสนทนาระหว่างมายกับแม่ของมายมาให้ดูว่า กำลังพยายามวิ่งเต้นหาเงินมาชดใช้คืน มายขอให้ถอนฟ้อง ถอนแจ้งความ แต่เฟิร์นไม่ยอม จนล่าสุดศาลนัดพิจารณาคดีเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 แต่มายไม่มาตามนัด จึงถูกศาลออกหมายจับ เธอเชื่อว่า มายกับแม่รู้กันเรื่องไปหลอกยืมเงินชาวบ้าน และเป็นไปได้ว่าอาจมีผู้ร่วมกระทำผิดมากกว่า 2 คนนี้


มีรายงานข่าวจากผู้เสียหายอีกหลายรายว่า น.ส.มาย และแม่ ชอบอ้างว่ารู้จักคนใหญ่โต และยังอ้างว่ารู้จักกับสื่อ  ต่อให้ผู้เสียหายไปร้องสื่อ ก็ไม่มีใครกล้าทำข่าว เพราะตัวเองเคลียร์ได้หมด

คุณอาจสนใจ

Related News