สังคม

ส่อคดีพลิก! เมียร้องถูกใส่ความวางยาฆ่าผัว คนใกล้ชิดยันหลักฐานชัด คาดปมมือที่สามเป็นเหตุจูงใจ

โดย chutikan_o

26 ก.ค. 2565

1K views

ส่อคดีพลิก! เพื่อนสนิท "เสี่ยเก่ง" แฉ กรณีเมียร้องขอความเป็นธรรมอ้างถูกใส่ร้ายวางยาฆ่าผัว เผย ความสัมพันธ์ทั้งคู่เริ่มสั่นคลอนเพราะมีเรื่องมือที่สาม ผู้ตายเคยขอหย่าแต่ฝ่ายหญิงไม่ยอม มีเรื่องบาดหมางครอบครัวฝ่ายชาย คาดอาจเป็นเหตุจูงใจ


จากกรณีที่คุณนิด ร้องขอความช่วยเหลือ จากนายสุรชาติ ผิวแดง ผู้ช่วยรองโฆษกพรรคภารดรภาพ จากการถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามีโดยวางวาพิษ โดนจับติดคุกไปเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา และประกันตัวออกมาต่อสู้คดี โดยบอกว่าไม่ได้ทำ แต่ถูกครอบครัวสามีใส่ร้าย หวังฮุบสมบัติ 100 ล้านบาท


เมื่อวานนี้ (25 ก.ค. 65) รายการโหนกระแสได้เชิญคุณนิด และคุณสุรชาติ มาพูดคุยในรายการบางช่วง หนุ่ม กรชัย ถามคุณนิดว่า มีกล้องวงจรปิด จับภาพขณะที่คุณนิดไปซื้อยาฆ่าแมลง ซึ่งคุณนิดก็บอกว่า เธอให้แม่บ้านไปซื้อยาฆ่าแมลงจริง เพราะเธอมีสวนปลูกต้นไม้ จึงจำเป็นต้องซื้อยามาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง ซึ่งเธอยังบอกว่าสามีเป็นคนนำมาฆ่าหญ้าเอง และสามีก็เป็นคนเก็บยาฆ่าแมลงดังกล่าว ขณะเดียวกัน หนุ่มก็ถามย้ำว่าไม่มีการนำยาฆ่าแมลงหยดใส่น้ำให้สามีกินทุกวันใช่หรือไม่ คุณนิดก็บอกว่าไม่มี


ส่วนที่มีข่าวว่า สามีนอกใจเธอ อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอทะเลาะกับสามีและระแวงเขา นำมาซื่งการวางยาครั้งนี้หรือไม่ คุณนิด กล่าวว่า ครอบครัวเธอปกติดี เธอกับสามีและลูกรักกันปกติดี


นอกจากนี้ คุณนิด ยังชี้แจงอีกว่า เงินทองที่ได้มาหลังแต่งงาน ก็เปิดร้านทำผม ทำร้านเครื่องสำอางค์ ผลิตเครื่องสำอางค์ นำเข้าคลินิก ทำแบรนด์เนมของตัวเอง และผลิตเสื้อผ้าขาย จึงได้เงินจำนวนนี้มา หลังจากเก็บเล็กผสมน้อย เธอและสามีจึงเปิดโรงงานขณะนี้เปิดมา 4 ปีแล้ว


ล่าสุดวันนี้ (26 ก.ค. 65) ผู้สื่อข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ลงพื้นที่ ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อพูดคุยกับคนใกล้ชิด ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า คุณนิดเป็นคนวางยาฆ่าผัวตัวเอง เพราะมีหลักฐานกล้องวงจรปิดภายในโรงงาน เห็นตั้งแต่เสี่ยเก่ง ปั่นจักรยานล้มลง และมีอาการชักเกร็งน้ำลายฟูมปาก ซึ่งขณะนั้นมีเพียงเสี่ยเก่งอยู่กับคุณนิดแค่ 2 คน แต่หลังเกิดเหตุคุณนิดได้เรียกให้คนงาน เข้ามาเช็ดน้ำลายจากปากผู้ตาย และกีดกันไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอยู่พักใหญ่


หลังจากเสี่ยเก่งเสียชีวิตวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ตำรวจเข้าเก็บหลักฐานที่โรงงานอาหารสัตว์ ทั้งกล้องวงจรปิด ขวดน้ำดื่มและขวดยาชูกำลัง โดยขณะเข้าตรวจค้น รายงานข่าวระบุอีกว่า เจ๊นิด ภรรยา มีพฤติการณ์กำลังจะหลบหนี ขับรถจะชนเจ้าหน้าที่ด้วยความเร่งรีบ และมีการโยนถุงบางอย่างทิ้ง ซึ่งมาทราบภายหลัง เป็นเงินสดประมาณ 500,000 บาท และยาเมโทมีลซองสีแดง


สอดคล้องกับการสอบปากคำพยานที่เป็นคนงานหญิงและคนงานชายในโรงงานให้การว่า คุณนิด ได้ใช้ไหว้วานให้ไปซื้อยาฆ่าแมลง เมโทมีล (ซองสีแดง) แถวแยกหุบกระทิง บ้านโป่ง ก่อนจะเกินเหตุไม่กี่วัน และจากการสอบพยานพบว่าก่อนหน้านี้คนในโรงงาน เคยมีอาการเจ็บป่วยแปลกๆ คาดว่าเกิดจากการได้รับสารพิษหลายครั้ง เชื่อว่าเป็นการทดลองยาของคุณนิด


ด้านคุณบี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า วันที่เสี่ยชักเกร็ง ก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาล พบว่าในโรงงานมีเสี่ยเก่ง และคุณนิด อยู่ด้วยกันเพียง 2 คน เสี่ยมีน้ำลายฟูมปาก และคุณนิดก็ให้คนงานเช็ดน้ำลาย ก่อนจะนำตัวเสี่ยเก่ง ส่งโรงพยาบาล ซึ่งทำให้ตนเชื่อ 100 เปอร์เซ็นว่าคุณนิดวางยาเสี่ยเก่ง


พันตำรวจเอกวีระศักดิ์ กลั่นเกิด ผู้กำกับ สภ.กรับใหญ่ เปิดเผยว่า หลักฐานส่วนใหญ่อยู่ในสำนวนไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ มีทั้งกล้องวงจรปิดภายในโรงงานที่เห็นพฤติกรรมผู้ต้องหาอยู่กับผู้ตายแค่ 2 คน ส่วนเรื่องผลตรวจสารพิษจากสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลตำรวจ 2 ครั้งที่ออกมาไม่ตรงกัน


ผู้กำกับ กล่าวว่า ครั้งแรกเสี่ยเก่ง (ผู้ตาย) เข้าแอดมิดที่โรงพยาบาลซานคามิลโล บ้านโป่ง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ด้วยอาการชักเกร็งน้ำลายฟูมปาก


แพทย์จึงเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อส่งตรวจ พร้อมส่งตัวเสี่ยเก่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯสนามจันทร์ จ.นครปฐม ซึ่งก็มีการเก็บตัวอย่างเลือดของเสี่ยเก่งส่งตรวจหาสารพิษ


กระทั่งเสี่ยเก่งเสียชีวิตวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 ทางโรงพยาบาลก็ต้องส่งศพเสี่ยเก่งผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ปรากฏว่าผลตรวจสารพิษในเลือด จากโรงพยาบาลแรก พบสารเคมีเมโทมีล (ซองสีแดง) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของยาฆ่าแมลง ส่วนผลตรวจสารพิษจากการผ่าชันสูตรศพ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 หลังจากนายเก่ง เสียชีวิตและหลังจากการเข้ารับการรักษาประมาณ 4 วัน คาดว่าสารพิษในเลือดเจือจางลงทำให้ผลตรวจไม่พบสารพิษ


ด้านคุณ เอ เพื่อนสนิทของเสี่ยเก่ง ผู้ตายเสียชีวิต กล่าวว่า ที่คุณนิด บอกว่า เสี่ยเก่งสร้างโรงงานมากับคุณนิดแค่ 2 คน นั้นไม่เป็นจริง เดิมทีพ่อขอเสี่ยเก่งทำบ่อทราย ได้รับมรดกมา จึงลงทุนกันทำโรงงานอาหารสัตว์แบบกงสี คนละ 25% ประกอบด้วย พ่อของเสี่ยเก่ง และพี่น้องของพ่อเสี่ยเก่งอีก 3 คน


พอทำไปแล้วธุรกิจงอกเงย เจริญรุ่งเรือง เสี่ยเก่งเลยอยากออกมาทำเอง จึงเอาเงินพ่อมาซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานดังกล่าว และทำแบบกงสี 3 คนพี่น้อง คือ พี่ชายเสี่ยเก่ง ดูแลด้านขนส่งโลจิสติก เสี่ยเก่งดูแลการตลาด เป็นหัวเรือ คุมธุรกิจ และน้องชายเสี่ยเก่ง ดูแลเรื่องการผลิตอาหาร โดยกำไรก็แบ่งกันใน 3 พี่น้อง ดังนั้นที่ข่าวลงกันว่ามีทรัพย์สินร้อยล้านนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเขาทำกันเป็นกงสี มูลค่าจริงๆ แล้วน่าจะอยู่ประมาณ 20 ถึง 30 ล้าน


ส่วนความรักของทั้งสองคน เสี่ยเก่งมาพบรักกับคุณนิด ตอนที่เสี่ยเก่งอกหัก ตอนวัยรุ่น โดยไปพบที่ร้านอาหารกลางคืน คุณนิดเป็นคนสองสัญชาติคือไทยและลาว เป็นนักร้องกลางคืน พอเสี่ยเก่งพาคุณนิดเข้ามาบ้าน พ่อของเสี่ยเก่งไม่ยอมรับ และทะเลาะกับครอบครัวมาตลอด ขนาดงานแต่ง พ่อเสี่ยเก่งยังไม่ไปร่วมงาน แต่เวลานั้นเสี่ยเก่งรักคุณนิดมาก จึงทนแรงกดดันครอบครัวมาตลอด


ส่วนนิสัยของนางนิดเท่าที่รู้จัก คือ ใครดีกว่าตัวเองไม่ได้ สวยกว่าตัวเองไม่ได้ และใช้ชีวิตติดหรู ไม่เคยช่วยทำมาหากิน แม้แต่งานบ้าน ก็มีคนรับใช้คอยทำให้ ทรัพย์สินทั้งหมดเสี่ยเก่งและพี่น้อง ช่วยกันหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง


นอกจากนี้ เพื่อนเสี่ยเก่ง ยังบอกอีกว่า เสี่ยเก่ง เคยมาบ่นปัญหาเหล่านี้ให้ฟังหลายครั้ง เคยถึงขั้นจะยกบ้านรถและทรัพย์สินส่วนหนึ่งให้เมียเพื่อขอแยกทาง แต่คุณนิดไม่ยอม และมาพักหลังทั้งสองคนเริ่มมีปัญหาในครอบครัว เนื่องจากคุณนิดเข้ากับใครไม่ได้เลย ไม่ยุ่งกับใคร และขี้หึง เพราะเสี่ยเก่งยิ่งรวยก็จะมีสาวคนอื่นมาติดพันจำนวนมาก จึงเชื่อว่าคาดปมมือที่สาม จึงทำให้คุณนิดคิดวางแผนดังกล่าวหรือไม่


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า ขณะนี้คุณนิดไปอยู่ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้ว อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อได้แล้ว

คุณอาจสนใจ

Related News