สังคม

แสบ! สาวบุรีรัมย์ใช้เงิน 3 แสน คนโอนผิดบัญชีไปปลดหนี้ - ซื้อทอง ตร.จ่อออกหมายเรียก

โดย thichaphat_d

16 พ.ค. 2565

550 views

หมายเรียกหญิงเจ้าของบัญชีโอนผิดแต่นำเงินของคนอื่นไปจ่ายร่วม 3 แสนบาท เจ้าของตามทวงคืนบอกว่าใช้หมดแล้ว ล่าสุดหายตัวเงียบ ด้านสามีคิดว่าภรรยาได้มรดก ปิดปากเงียบภรรยาหายไปไหน

จากกรณีที่นางวิราวรรณ อายุ 40 ปี ผู้ประกอบกิจการบริษัท SP Foods จำหน่ายอาหารทะเลแช่แข็ง และวัตถุดิบหมูกระทะทุกชนิด อยู่ที่จ.สมุทรสาคร ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันที่ 28 เมษายน โอนเงินค่าหมูให้กับคู่ค้า ที่เพิ่งค้าขายกันครั้งแรกเป็นเงิน 2 แสน 9 หมื่นกว่าบาท แล้วส่งสลิปไปให้คู่ค้า ซึ่งคู่ค้าตอบว่า โอนเงินผิดบัญชี เมื่อตรวจสอบดูพบว่า โอนเงินผิดบัญชีจริง โดยกดเลขผิดตัวเดียว ทำให้เงินไปเข้าบัญชีของ นางเสาวณีย์ ชาวบุรีรัมย์

ผู้เสียหายและสามีจึงรีบไปธนาคารและโทรหาคอลเซ็นเตอร์อายัติจำนวนเงินในบัญชีที่โอนผิดไป กลับไม่สามารถอายัติได้ เพราะต้องส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนตามขั้นตอน ผู้เสียหายและสามีเสียความรู้สึกกับการให้บริการของธนาคารมาก และไม่อยากรอ จึงพยายามติดต่อนางเสาวณีย์ กระทั่งสามารถติดต่อลูกสาวของนางเสาวณีย์ได้ ลูกสาวยอมรับว่าแม่โอนเงินมาให้ 50,000 บาท โดยได้นำเงินไปปิดค่างวดรถ 20,000 บาท เหลือเงิน 30,000 บาท จะขอโอนคืนให้ก่อน ที่เหลือจะผ่อนชำระให้

ส่วนนางเสาวนีย์ นำเงินไปซื้อทองน้ำหนัก 1 บาท และมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน จึงประสานตำรวจช่วยติดตามจนร้านทองยอมโอนเงินคืนให้ 30,000 บาท และยังติดตามทรัพย์สินอื่นๆ ที่นางเสาวณีย์เอาเงินของตนเองไปซื้อมาอีก

ขณะที่นางเสาวณีย์ ได้ติดต่อมาบอกว่า จะโอนเงินคืนให้ 55,000 บาท ที่เหลือจะขอผ่อนชำระ สุดท้ายโอนมาให้แค่ 10,000 บาท พร้อมบอกว่าใช้เงินหมดแล้ว และยอมติดคุกแทน สรุปตนได้เงินคืน 160,000 บาท ยังคงค้างอีกแสนกว่าบาท

ต่อมาผู้สื่อข่าวไปที่บ้านนางเสาวณีย์ เจอแต่นายบุญชู สามี และไม่ยอมบอกว่า นางเสาวณีย์อยู่ที่ไหน พร้อมเผยว่า ภรรยาได้เงินโอนมาจากพี่สาว ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากการขายที่ดินมรดกของพ่อแม่ ไม่ได้คิดว่าเป็นเงินของคนอื่นที่โอนเข้ามาผิด จึงนำไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ทองรูปพรรณ และใช้จ่ายจนหมด พอเจ้าของเงินแจ้งมาก็ตกใจมาก จากนั้นตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ก็มาเชิญตัวภรรยาไปที่โรงพัก และแจ้งว่าให้รอหมายศาลจากจังหวัดสมุทรสาคร

ผู้สื่อข่าวไปสอบถามข้อมูลนางเสาวณีย์กับแม่ค้าขายของชำ ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของนางเสาวณีย์ เล่าว่า ปกติไม่ค่อยเห็นหน้า ไม่ค่อยมาสุงสิงกับใคร นานๆ จะมาซื้อของ รู้เพียงว่าทำงานอยู่ในห้างชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีสาขาทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่องนี้ถ้าเป็นตัวเองจะไม่กล้าใช้เงิน และจะโอนคืนกลับไปให้เจ้าของ เพราะเป็นเรื่องอันตรายหากเป็นเงินผิดกฎหมาย

ล่าสุดวันนี้ นางวิราวรรณ และสามีเข้าพบตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อติดตามความคืบทางคดี โดยตำรวจได้ออกหมายเรียกนางเสาวณีย์ครั้งที่ 1 แล้ว และผู้เสียหายต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ที่บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นท้องที่ที่มีการถอนเงิน

นางวิราวรรณ เผยว่า อยากให้ตำรวจเร่งดำเนินคดีกับคนที่นำเงินคนอื่นไปใช้ อย่างจริงจังรวดเร็ว เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าโดนจริงนะ อย่าให้เป็นบรรทัดฐานว่า นำไปใช้ก่อนได้ เพราะกว่าตำรวจจะดำเนินคดีก็ใช้เวลานาน แต่รู้สึกผิดหวัง ที่ตำรวจทำได้แค่ออกหมายเรียก และให้ไปแจ้งความที่บุรีรัมย์

ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว คนที่ถูกโอนเงินไปให้ 3 แสน แล้วไม่คืนเงินให้คนที่โอนผิด ถือว่าความผิดมีโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน เพราะได้รับเงินจากคนอื่น ถือว่ายักยอกทรัพย์ ส่วนที่ได้เงินแล้วโอนเงินต่อไปให้คนอื่น ถือว่ารับของโจร มีความผิดเช่นกัน โดยมีโทษจำคุก 5 ปี ส่วนคนที่โอนผิดบัญชีจะให้ธนาคารอายัติบัญชีคนอื่นไม่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นความประมาทของตนเอง

คุณอาจสนใจ

Related News