สั่งตั้งสอบ สายตรวจสำโรงเหนือ ทำร้าย-ใส่กุญแจมือ จับผงการบูรอ้างเป็นยาเสพติด

กรณีพี่สาวร้อง น้องชายถูกอาสาตำรวจค้นรถอ้างมียาเค จับใส่กุญแจมือ ทำร้ายร่างกาย สุดท้ายหน้าแหกเป็นแค่ผงการบูรดับกลิ่น ด้านผู้กำกับ สภ.สำโรงเหนือ สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้นให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน

กรณีนี้เปิดเผยโดยคุณเมย์ พี่สาวของผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ระบุว่า น้องชายอายุ 27 ปี กำลังขับรถจะกลับบ้านย่านสมุทรปราการหลังเลิกงาน โดยน้องชายได้จอดรถข้างทางเพื่อคุยโทรศัพท์ ก่อนจะถึงด่านตำรวจบริเวณสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง แถว ซ.สุขุมวิท 109 จู่ๆ ก็มีอาสาตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์มาขอตรวจค้นที่รถ ก่อน ว.ไปหาตำรวจที่ด่านบอกว่ามียาเสพติด

เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ ก็แจ้งว่าพบยาเคตามีน (ยาเสพติดประเภท 2) จำนวน 4 กรัม ที่บริเวณลิ้นชักในรถ ด้วยความตกใจ น้องชายได้โทรศัพท์มาหาแม่และตนที่บ้านว่าถูกตำรวจยัดยา จากนั้นน้องก็ถูกตำรวจชกไปที่หน้า 2 ครั้ง และถูกอาสาตำรวจทุบเข้าที่หลัง พร้อมจับใส่กุญแจมือ ทำการตรวจปัสสาวะ ระบุว่าพบสารเสพติดในร่างกาย

หลังจากที่คุณเมย์และแม่ มาถึงที่เกิดเหตุ ก็ได้ถามเหตุการณ์จากน้องชาย น้องยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะที่เจ้าหน้าที่คนแรกที่จับกุมระบุว่า ค้นรถน้องพบยาเค ส่วนตำรวจระดับสารวัตรบอกว่าเป็นยาไอซ์

ทางแม่จึงขอดูยาเสพติดที่ตำรวจอ้างว่าพบในรถของน้องชาย ปรากฎว่าพอแม่คลี่ดมดูก็พบว่าจริงแล้วเป็นการบูรดับกลิ่นของแม่ที่ใส่ไว้ในรถ ส่งให้อาสาตำรวจกับตำรวจดมดูก็ยอมรับ บอกว่าถ้าเป็นการบูร ก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าหน้าที่ยังอ้างต่อว่า ผลตรวจปัสสาวะออกมาพบสารเสพติด ยังไงก็ต้องถูกดำเนินคดี

ทำให้ทางแม่ขอเจ้าหน้าที่ ให้ทำการตรวจปัสสาวะอีกครั้งได้หรือไม่ เพื่อความสบายใจ ปรากฎว่าไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจากในคลิปจะเห็นตำรวจนายหนึ่งบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ และแสดงความไม่พอใจที่ผู้เสียหายพูดว่าถูกตำรวจยัดยา ทำให้ผู้เสียหายต้องยกมือไหว้ขอโทษ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่พูดถึงกรณีที่เข้าใจผิดคิดว่าการบูรเป็นยาเสพติดแต่อย่างใด

ต่อมาคุณแม่ และคุณเมย์ ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ไว้ที่ สภ.สำโรงเหนือ ซึ่งเป็นโรงพักต้นสังกัดของตำรวจที่ตั้งด่านในวันที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจไม่ให้ลงบันทึกประจำวัน แถมเจ้าหน้าที่ยังตามมาเคาะกระจกรถ ขู่ว่าไม่จบใช่ไหม เดี๋ยวมึงเจอกู ถ้าอยากแจ้งความตำรวจก็จะแจ้งความกลับในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

ด้าน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้รับทราบจากข่าวที่นำเสนอ และได้เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงรายละเอียด และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยละเอียด หากพบว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จะต้องมีการลงโทษตามขั้นตอน

ส่วนในเรื่องที่ว่าไม่ยอมรับแจ้งความนั้นจากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดในโรงพักและสอบถามร้อยเวรที่เกี่ยวข้องแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน เตรียมติดต่อฝ่ายผู้เสียหายและญาติมาสอบปากคำ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการสอบสวน คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน ถ้ายังไม่เสร็จสิ้นก็จะมีการขยายเวลาออกไป ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่ออาสาตำรวจที่ปรากฎในคลิปดังกล่าว ปรากฎว่ายังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าเป็นใคร หรือเป็นอาสาตำรวจถูกต้องหรือไม่