ผู้เช่าแสบ "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" 2 ปีกว่าเรื่องจะจบ เจ้าของบ้านผงะซ้ำ กองขยะเต็มบ้าน

ผู้เช่าแสบ "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" 2 ปีกว่าเรื่องจะจบ เจ้าของบ้านผงะซ้ำ กองขยะเต็มบ้าน


ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปภาพภายในบ้านเช่า ที่เต็มไปด้วยขยะ พร้อมระบุข้อความว่า "ฝากถึงคนมีบ้านให้เช่านะคะ เวลาจะให้ใครเช่าบ้านต้องเช็คประวัติให้ดี สัญญาเช่าต้องมี ขอสำเนาเอกสารให้ครบ เจอมากับตัวเอง ตอนแรก ๆ ก็จ่ายค่าเช่า ต่อมาก็ขอผลัดค่าเช่าไปเรื่อย ๆ สุดท้ายคือไม่จ่าย ค่าไฟฟ้า ไม่จ่ายโดนตัดไฟ


แจ้งศูนย์ดำรงธรรมเพื่อนัดไกล่เกลี่ยไม่ยอมมา นัดขึ้นศาลไม่ยอมไป ศาลตัดสินให้ย้ายออกจากบ้านเช่าไม่ยอมออก กรมบังคับคดีต้องมาถึงบ้านเช่า นำเอกสารมาให้เซ็นรับทราบถึงยอมออก กว่าเรื่องจะจบใช้เวลามากกว่า 2 ปี จ่ายเงินดำเนินการเยอะ แล้วนี่คือสภาพบ้านเพียงส่วนหนึ่ง ไม่รู้อยู่ได้อย่างไง เคยเห็นแต่ในข่าวไม่คิดว่าจะมาเจอกับตัวเอง ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย คนแย่ ๆ ที่ไม่อยากให้อยู่ในโพธาราม เดี๋ยวก็คงไปทำแบบนี้กับที่บ้านเช่าที่ใหม่ ได้ข่าวว่าตอนนี้ย้ายไปอยู่บ้านเช่าอีกฝั่งของแม่น้ำ จากบ้านที่น่าอยู่ กลายเป็นกองขยะ"


ผู้สื่อข่าวไปพบกับเจ้าของโพสต์ คุณชมนาด เจ้าของบ้านเช่า ในอำเภอโพธาราม จ.ราชบุรี พาผู้สื่อข่าวเข้าไปสำรวจภายในบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ พบว่า ที่บริเวณชั้นล่าง มีกองขยะทิ้งไว้เต็มพื้น ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วห้อง มีการนำกระดาษห่อของขวัญมาติดผนังเป็นวอลเปเปอร์ ในห้องน้ำ พบว่าก๊อกน้ำถูกถอดออก พื้นเป็นคราบสกปรก ที่ชักโครกมีสิ่งปฏิกูลทิ้งคาไว้ไม่ทำความสะอาด


พอผู้สื่อข่าวจะเปิดประตูหลังบ้านไปสำรวจ ปรากฏว่าเปิดไม่ได้ ต้องออกแรงดันอยู่นาน จนพอจะแง้มประตูได้ ก็พบกับกองขยะขนาดใหญ่ท่วมหัว อัดแน่นจนไหลมาขวางประตู ส่วนบริเวณชั้นสองของบ้าน ก็พบกับกองขยะจำนวนมาก เช่น เศษผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ใช้แล้ว ขวดน้ำที่ภายในเป็นปัสสาวะ มุ้งลวดหน้าต่างถูกทำลาย หลอดไฟ พัดลมเพดาน และอ่างล้างหน้าหายไป


เจ้าของบ้าน เล่าว่า ที่ผ่านมา ปล่อยบ้านให้กลุ่มนักศึกษาพยาบาลเช่า ซึ่งไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งเมื่อ 7 ปีก่อน นายเอ และภรรยา มีอาชีพรับจ้างส่งของ มาขอเช่าบ้านในราคาเดือนละ 2,000 บาท ช่วง 3 ปีแรก ก็ไม่มีปัญหาอะไร จนถึงประมาณปี 2562 นายเอเริ่มขอผัดผ่อน และค้างค่าเช่า ตนเห็นว่าค้างเช่านานหลายเดือนแล้ว จึงมาสอบถาม เพื่อขอให้ทยอยชำระหนี้ หรือย้ายออก


แต่นายเอก็ถือคติ "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ตนจึงต้องเข้าแจ้งความที่ สภ.โพธาราม และศูนย์ดำรงธรรม อ.โพธาราม เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่เป็นผล นายเอยังคงใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเช่าอย่างเป็นปกติสุข บางวันก็ชักปืนออกมาถือ จนเพื่อนบ้านไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยวด้วย ท้ายที่สุดตนต้องขอพึ่งอำนาจศาล จนนายเอและครอบครัวยอมย้ายออกไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา


หลังจากที่นายเอย้ายออก ตนได้เข้ามาดูบ้าน ภาพแรกที่เปิดประตูบ้านเข้าไป ก็ต้องตกใจกับกองขยะเต็มบ้าน ไฟฟ้าถูกตัด ประตูถูกงัดแงะ มีกลิ่นเหม็นอับผสมกับกลิ่นสิ่งปฏิกูล รวมมูลค่าความเสียหายทั้งในส่วนของค่าเช่า และค่าซ่อมแซมบ้าน ไม่น่าจะต่ำกว่า 2 แสนบาท ซึ่งตนต้องว่าจ้างคนมาทำความสะอาดและปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน และหลังจากนี้ คงไม่ปล่อยบ้านให้ใครเช่าอีกแล้ว


ขณะที่เพื่อนบ้านคนหนึ่ง เล่าว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน เคยให้ความช่วยเหลือพาภรรยาของนายเอ ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้น บ้านเช่าของนายเอถูกตัดไฟ ตนจึงให้พ่วงใช้ไฟฟ้าจากที่บ้าน และช่วยเหลือค่ากินอยู่ ค่านม และผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็ก เป็นบางครั้งเท่าที่ตนมี เพราะสงสาร และเคยมีเพื่อนบ้านบางคนมาบอกว่า นายเอไปงัดแงะบ้านของตนเข้าไปขโมยทรัพย์สินมีค่า แต่ตนไม่เห็นกับตาและไม่มีหลักฐาน จึงไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ จนสุดท้ายมาทราบเรื่องและเห็นสภาพบ้านเช่า ก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ขนาดนี้