คุมตัวฝากขัง 3 ผตห.ขายปืน-กระสุนให้เด็ก 14 ค้านประกัน

ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่ให้ประกันตัว 3 ผู้ต้องหาที่ขายปืนแบลงค์กันและกระสุนให้ผู้ก่อเหตุยิงที่สยามพารากอน เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง



ตำรวจ สน.ยานนาวา ควบคุมตัว นายสุวรรณหงษ์ และ นายอัครวิชญ์ ซึ่งเป็นคนขายปืนแบลงค์กัน ให้ผู้ก่อเหตุยิงที่ห้างสยามพารากอน และ นายปิยะบุตร ซึ่งเป็นคนขายกระสุนปืนขนาด 9 มม. ให้กับผู้ก่อเหตุ ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขัง พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว



ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถูกควบคุมตัวและสอบปากที่ สน.ยานนาวา ในหลายประเด็นทั้งเรื่องขั้นตอนการซื้อขายปืนแบลงค์กันและกระสุนให้ผู้ก่อเหตุ เพื่อเชื่อมโยงถึงผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเด็นการซื้อขายปืนแบลงค์กันและกระสุน ให้กับลูกค้าทั่วไปในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นลักษณะของดาร์กเว็บ



โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ถูกใส่กุญแจมือไว้ร่วมกัน ซึ่งระหว่างนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถตำรวจ สน.ยานนาวา นักข่าวพยายามสอบนายปิยะบุตรว่า มีอะไรจะชี้แจงหรือไม่ ใครเป็นคนเอาปืนไปส่งให้ผู้ก่อเหตุ และเป็นเอเยนต์ขายปืนในออนไลน์ รวมถึงได้ส่วนแบ่งในการขายปืนด้วยหรือไม่ แต่ผู้ต้องหาก้มหน้าและไม่ให้ข้อมูลใดๆ และพยายามหลบหน้าสื่อมวลชนตลอดเวลา



มีรายงานว่าผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ โดยเฉพาะในประเด็นที่ไม่รู้ว่าขายปืนแบลงค์กันให้กับเด็กซึ่งมีอายุ 14 ปี แต่ตำรวจมั่นใจในพยานหลักฐานโดยเฉพาะเส้นทางการเงินในการซื้อขาย ซึ่งไปเชื่อมโยงกับบัญชีของนายสุวรรณหงษ์ ที่ผู้ก่อเหตุโอนเป็นค่าปืนแบลงค์กันจำนวน 1 หมื่น 6 พันบาท



คดีนี้ตำรวจได้สอบปากคำพยานไปแล้ว 38 ปาก ส่วนเจ้าหน้าที่ประจำสนามยิงปืนที่ผู้ก่อเหตุไปฝึกซ้อมยิงปืนตามที่มีคลิปภาพปรากฏอยู่ในระหว่างการประสานเพื่อมาให้ปากคำ



นอกจากนี้ จากการสืบสวนทราบว่าในวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้เตรียมกระสุนไป 50 นัด โดยยิงในที่เกิดเหตุ 42 นัด ส่วนอีก 8 นัดที่เหลือตำรวจสามารถตรวจยึดได้ตั้งแต่ตอนจับกุมตัว



ล่าสุดศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะมารับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปคุมขังที่เรือนจำต่อไป



ส่วนที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีรายงานว่าครอบครัวของหญิงชาวจีนที่ถูกยิงเสียชีวิต ได้ประสานทางสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งทางสถานทูตฯได้ติดต่อผ่านบริษัทเอเจนซี่เพื่อเข้ามารับศพหญิงชาวจีนแล้ว โดยที่ทางครอบครัวของหญิงชาวจีนขอปกปิดเป็นความลับในรายละเอียดเรื่องเวลารับศพ



ซึ่งตามขั้นตอนเมื่อทางบริษัทเอเจนซี่ที่ได้รับมอบหมายและดำเนินการเรื่องเอกสารกับทางสถานทูตฯเรียบร้อยแล้วก็สามารถมารับศพไปขึ้นเครื่องที่สนามบินเพื่อส่งกลับประเทศได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีญาติเดินทางขึ้นเครื่องบินไปด้วย เพราะทางสถานทูตฯ จะช่วยกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/acvESbAH_rE