สำรวจสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ หลังศาลปกครองสั่งเพิกถอนก่อสร้าง

จากที่ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ เหตุยังไม่มีการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ตามที่กฎหมายกำหนด ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจสะพานเจ้าปัญหาพบมีชุมชนขนาดใหญ่ ทางแคบและเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ


จากคำสั่งศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างสะพานโค้งคอนกรีตเสริมเหล็ก ข้ามคลองมหาสวัสดิ์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ โดยให้มีผลย้อนหลังไปนับแต่วันออกคำสั่ง ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย สมาคมเรือไทย และประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนชัยพฤกษ์ 33 รวม 42 รายยื่นฟ้องผู้อำนวยการสำนักการโยธากทม.และนายก อบต.มหาสวัสดิ์ เมื่อ ปี 2563


โดยให้เหตุผลว่า ยังมิได้จัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในการก่อสร้างสะพาน และยังมีผลต่อการสัญจรและอาชีพของประชาชนที่ต้องอาศัยในคลอง


ดังนั้นการก่อสร้างสะพานย่อมเป็นการสั่งอนุญาต โดยขัดต่อพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 จึงพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างสะพานดังกล่าว


สำหรับคดีนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เป็นผู้ว่าความให้ /โดยสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย สมาคมเรือไทย ได้ร่วมฟ้องกับชาวชุมชนชัยพฤกษ์ 33 ด้วย ใช้เวลา 3 ปี ศาลจึงมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา


ทีมข่าวลงพื้นที่ไปสำรวจสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ หรืออีกชื่อตามป้ายข้อความ "สะพานรวมใจ ตลิ่งชัน-บางกรวย" พบว่า ยังมีรถสัญจรปกติ

โดยสะพานฝั่งหนึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นทางเข้าโครงการหมู่บ้านจัดสรรเอกชน แต่เส้นทางนี้ก็สามารถเชื่อมไปเส้นทางอื่นได้ด้วยเช่นกัน


ขณะที่ฝั่งตลิ่งชัน เป็นพื้นที่ชุมชนวัดชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ จะมีปัญหา คือ ถนนในชุมชน ค่อนข้างคับแคบ 2 ฝั่งจราจร ไม่มีไหล่ทางริมถนน ทำให้เมื่อมีรถสัญจรผ่านเข้าออกจำนวนมาก อาจทำให้เกิดความลำบากของคนในชุมชน และอาจเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้


ในมุมของชุมชนวัดชัยพฤกษ์มาลา มีความเห็นออกเป็น 2 ด้าน โดยนายพรชัย เลิศสถิตพงศ์ หนึ่งในชาวบ้านที่อาศัยบริเวณทางขึ้นลงสะพาน กล่าวว่า ตนเองและบ้านอีกหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อนมาก หลังสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้รถยนต์ที่วิ่งผ่านชุมชนมากขึ้น บ้านบางหลังไม่สามารถนอนได้ เพราะถนนในชุมชนค่อนข้างคับแคบ ไม่ใช่ถนนใหญ่ ไม่มีไหล่ทาง เสียงรถยนต์ดังสะเทือนไปถึงด้านในบ้านบางหลัง ตนเองกับเพื่อนบ้านรวม 42 คนจึงยื่นต่อศาลปกครองกลาง


อีกประเด็น สะพานตั้งอยู่ใกล้ วัดชัยพฤกษมาลา ซึ่งขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรให้เป็นโบราณสถาน ดังนั้นการจะก่อสร้างอะไร ต้องทำ EIA ก่อน แต่กลับไม่ได้ทำ เมื่อศาลมีคำสั่งเพิกถอน ใบอนุญาตก่อสร้างสะพานนี้แล้ว สิ่งที่กทม.ควรทำ คือ การสั่งระงับการใช้สะพานทันที หากไม่สั่งระดับใช้สะพานจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่


อีกมุม นายอัครเดช แดงอร่าม ประธานชุมชนวัดชัยพฤกษมาลาฯ กล่าวว่า หากจะต้องรื้อสะพานจริง ตนก็เสียดาย เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 80 เห็นว่าสะพานนี้มีประโยชน์ ใช้สัญจรไปฝั่งนนทบุรีได้สะดวกขึ้น และรถจะติดเฉพาะช่วงเร่งด่วนเท่านั้น เพราะวัดและโรงเรียนอยู่ใกล้สะพาน

ดังนั้นหากจะรื้อสะพานจริง อยากให้สอบถามความเห็นของคนในชุมชนทั้งหมด ถึงเสียงส่วนใหญ่ ไม่อยากให้ฟังคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการ สำนักการโยธา กทม. ได้ขอศึกษารายละเอียดการก่อสร้าง และคำสั่งศาลปกครองกลางก่อน สำหรับคดีนี้ เป็นการตัดสินของศาลปกครองกลาง ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/enpmHjHDSrI