เลือกตั้งและการเมือง

ศาลปกครองแจง ไม่ได้สั่ง ‘ยิ่งลักษณ์’ จ่ายหมื่นล้าน ชดใช้คดีจำนำข้าว แค่เพิกถอนคำสั่งเดิมบางส่วน

โดย petchpawee_k

27 พ.ค. 2568

201 views

ตุลาการศาล ปค. แจงไม่ได้สั่ง 'ยิ่งลักษณ์' ชดใช้คดีข้าว แค่เพิกถอนคำสั่งเดิมบางส่วน ชี้ 'ยิ่งลักษณ์' เอี่ยวคดีระบายข้าวในฐานะ จนท.รัฐ ไม่ใช่ นายกฯ

วานนี้ (26 พ.ค.) รศ.ดร.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาสัมพันธ์ศาลปกครอง เปิดเผยกับทีมข่าว ถึงกรณีสำนักงานศาลปกครอง ออกเอกสารข่าวชี้แจงข้อกฎหมายคดีฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกว่า การชี้แจงดังกล่าว เป็นการอธิบายว่าศาลไม่ได้มีคำพิพากษาหรือออกคำบังคับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนใหม่ แต่เป็นกรณีที่มีคำสั่งของกระทรวงการคลังเรียกให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้อยู่แล้ว ศาลจึงมาตรวจสอบให้ว่าส่วนใดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้ และส่วนใดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิด

รศ.ดร.สายทิพย์ อธิบายว่าคดีมีมูลเหตุ มาจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดนคำสั่งของกระทรวงการคลังให้ชดใช้ค่าสินไหมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก 35,000 ล้านบาทเศษทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้สิทธิ์ฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ซึ่งศาลปกครองสูงสุด พบว่าคำสั่งของกระทรวงการคลัง มีการอ้างเหตุแห่งความเสียหายในหลายขั้นตอน

โดย มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดจริงๆ คือส่วนของความเสียหายในขั้นตอนการปฏิบัติตามนโยบายการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี เท่านั้น เนื่องจากในขั้นตอนนี้มีการรายงานการทุจริต จากหลายหน่วยงาน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานนโยบายการข้าวแห่งชาติ กลับไม่เอาใจใส่ดูแล ละเว้น เพิกเฉย ละเลย ไม่ติดตามให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย ถือเป็นการทำหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวเป็นหน้าที่ทางปกครองในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่หน้าที่ในมิติของการเป็นหัวหน้ารัฐบาล

ศาลจึงวินิจฉัยว่า คำสั่งที่ให้ชดใช้ กว่า 35,000 ล้าน นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องรับผิดชดใช้ทั้งหมด แต่ต้องรับผิดชดใช้เฉพาะในส่วนความเสียหายจากการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ คือ 10,028 ล้านบาทเศษ ในขณะที่ส่วนอื่นๆ เห็นว่าเป็นเรื่องของการทำนโยบายในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งไม่ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนั้น

สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ รศ.ดร.สายทิพย์ กล่าวว่า จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง ที่จะต้องไปเรียกให้มีการชดใช้ ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ต้องมีคำสั่งใหม่เพราะ ในคำพิพากษาระบุชัดเจนว่า เพิกถอนเฉพาะส่วนที่เกินกว่า 10,028 ล้านบาทเศษ

อีกประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการที่ตุลาการ 2 ท่านมีชื่ออยู่ในคำพิพากษาแต่กลับไม่ลงนาม และพบว่าปัจจุบันทั้งสองพ้นจากความเป็นตุลาการไปแล้วนั้น รศ.ดร.สายทิพย์ ชี้แจงว่า คดีนี้ มีการพิจารณาทั้ง ในรูปแบบองค์คณะ และ การพิจารณาในที่ประชุมใหญ่

ซึ่งในชั้นขององค์คณะมีการพิจารณาไปเมื่อ 12 กันยายน 2566 โดยองค์คณะมี 5 ท่าน แต่ต่อมา มีการเสนอให้นำคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด เพราะถือเป็นคดีสำคัญ เพื่อให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุดทุกคนกว่า 50 คนได้พิจารณา เมื่อที่ประชุมใหญ่พิจารณาวินิจฉัยเสร็จแล้ว องค์คณะจึงได้นำคำวินิจฉัยไปยกร่างเป็นคำพิพากษา ตามมติที่ประชุมใหญ่

ส่วนที่มีชื่อตุลาการสองท่าน ไม่ได้ลงนามและพ้นตำแหน่งไปแล้วนั้น รศ.ดร.สายทิพย์ อธิบายว่า เหตุที่ต้องมีการระบุชื่อทั้งสองท่านอยู่ เนื่องจากทั้งสองท่านได้ร่วมพิจารณาในชั้นขององค์คณะ 5 คน ไปเมื่อ 12 กันยายน 2566 ก่อนพ้นตำแหน่ง ( 1 ท่านเกษียณ ,1 ท่านลาออก) จึงต้องมีการระบุชื่อเพื่อร่วมรับผิดชอบในคำพิพากษานี้ ซึ่งถือเป็นกรณีที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเนื่องจาก กระบวนการพิจารณาคดีมีความคาบเกี่ยว กับการที่ตุลาการบางท่านต้องเกษียณอายุไปก่อน ทำให้ในวันอ่านคำพิพากษา จึงไม่ได้อยู่ลงลายมือ


https://youtu.be/WYwLmFChd7s

คุณอาจสนใจ

Related News