สังคม

จบด้วยดี! ดรามาไม่รับค่างวด ‘เจ้าหนี้-ลูกหนี้’ เคลียร์ลงตัว หลังความจริงกระจ่าง รถไม่ได้ถูกจำนำเต็นท์

โดย nicharee_m

4 ม.ค. 2567

737 views

รายการโหนกระแสวันนี้ (4 ม.ค.67) พูดคุยกรณี ดรามาเจ้าหนี้ลูกหนี้ ซื้อขายรถสิบล้อ แต่มีการจ่ายล่าช้า สุดท้ายพอหาเงินมาได้ 2 แสนบาท จะขอปิดยอดทั้งหมด เจ้าหนี้ไม่ยอมรับเงิน บอกว่าผิดสัญญาจะเอารถคืน

นายวิชัย เล่าว่า ซื้อรถสิบล้อมาจาก นางสุพิศ ขุนทิพย์ทอง เมื่อปี 2565 ในราคาขาย 600,000 บาท ทำสัญญากันเอง โดยวางเงินวันรับรถ 300,000 บาท ที่เหลือ 300,000 ตามสัญญาให้จ่ายเป็นรายปี ปีละ 100,000 บาท ครบกำหนดชำระเดือนเมษายน 2567

ตอนนั้นทำสัญญาเดือนมีนาคม 2565 เดือนเมษายน ตนจ่ายให้ทันทีอีก 100,000 บาท เหลือที่ค้างอีก 200,000 บาท ต้องจ่ายเดือนเมษายน 2566 อีก 100,000 บาท แต่เดือนเมษายน 2566 ตนไม่มีเงินไปชำระ จึงเลื่อนออกไปจนกระทั่ง เดือน ก.ค.66 พอหาเงินได้จะเอาไปจ่ายอีก 100,000 บาทตามสัญญา แต่กลับถูกปฏิเสธการรับเงิน แล้วตัดสายทุกครั้งที่ตนโทรหา

นายวิชัย กล่าวด้วยว่า ต่อมาได้มีทนายโทรมาหาตน บอกว่ารถที่ซื้อไปนั้นแจ้งยกเลิกสัญญา ตนงงมากจึงถามไปว่า “ผิดสัญญาตรงไหน” เพราะยังไม่สิ้นปี เนื่องจากสัญญาจ่ายปีละครั้ง ตนจึงให้ข้อเสนอไปว่า “งั้นผมจะตัดยอดทั้งหมดที่ค้าง 200,000 บาท” เท่ากับจ่ายล่าช้า 1 งวด จ่ายล่วงหน้า 1 งวดถือว่าหายกันไป

ได้รับคำตอบจากทนายว่า ถ้าจะตัดยอดต้องจ่ายเพิ่มอีก 80,000 บาท เป็น 280,000 บาท หากไม่ทำตามนั้นจะยึดรถคืน ตนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายคำจุน ขุนทิพย์ทอง สามีของเจ้าของรถเล่าว่า ทำสัญญาขายรถในราคา 6 แสนบาท จ่ายงวดแรกมา 3 แสนบาท ตกลงชำระงวดที่เหลือ ปีละ 1 แสนบาท ทุกๆ เดือนเมษายน จ่ายงวดแรก 1 แสนบาทตอนปี 65 แต่จ่ายล่าช้ามาเป็นเดือนพฤษภาคม เขาขอจ่ายล่าช้า เราก็ยอม พอมาเมษายน ปี 66 เราก็ติดต่อเขาไม่ได้อีก ทักไลน์ไป เขามาตอบครั้งสุดท้ายคือ 5 พ.ค.66 บอกว่ากำลังหาทางขายรถอยู่ เงินยังไม่ออก หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีก

พอเป็นแบบนี้ ติดตามไม่ได้ พรรคพวกที่ทำรถบรรทุกบอกว่า รถไม่ได้อยู่กับวิชัยแล้ว เราเลยจ้างนักสืบติดตามจนทราบว่า เขาเอารถไปจำนำ จอดไว้ที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ จึงแจ้งทนายความมาดูแล เพราะกลัวว่ารถจะหาย เงินก็ไม่ได้

ทนายความหลังได้รับเรื่องจากทางเจ้าของรถมา ก็ไปสืบหา จนรู้ว่ารถไปจอดอยู่ที่เต็นท์ ซึ่งเป็นของคนรู้จักของทนายเอง เป็นหุ้นส่วนของเสี่ยเล็ก และเป็นนักข่าว จ.บุรีรัมย์ เขาให้ข้อมูลว่า ที่รถคันนี้มาจอดที่เต็นท์ เพราะวิชัยเอามาจำนำ ในราคา 2 แสนบาท แต่หายไป ติดต่อไม่ได้ ดอกเบี้ยก็ไม่จ่าย

ทางทนายความบอกว่า พอได้รับเรื่องมาว่าลูกหนี้เอารถไปจำนำ ตนจะไปแจ้งความ แต่ทางเต็นท์รถขอเอาไว้ว่าอย่าเพิ่งดำเนินการ เพราะถ้าวิชัยถูกดำเนินคดี ทางเต็นท์ก็จะผิดด้วยฐานรับของโจร จึงเจรจากันเรื่อยมา

เสนอไปว่า ทางแรก ให้ทางเต็นท์คืนรถให้ทางเจ้าของ แล้วไปฟ้องวิชัยเรียกค่าเสียหายเอาเอง

ทางเลือกที่สอง ให้ทางเต็นท์ลงทุนมาเพิ่ม 280,000 บาท คือจ่ายยอดส่วนที่เหลือให้ทางเจ้าของรถ 2 แสนบาท บวกกับค่าเสียหายค่าดำเนินการต่างๆ อีก 8 หมื่นบาท แล้วให้เต็นท์ขายรถคันนี้ จะได้เงินคืนมาประมาณ 500,000 บาท ก็จะจบเรื่องนี้ได้ โดยที่เต็นท์ไม่ขาดทุน

จนเรื่องยืดเยื้อมาถึงเดือน พ.ย.66 ทำให้ทางเจ้าของรถมองว่าเรื่องนี้ไม่ได้การแล้ว จึงส่งโนติสบอกเลิกสัญญาไปให้เขา ขอยกเลิกสัญญาซื้อขายรถ เพราะรู้ว่าวิชัยไม่มีความสามารถในการชำระหนี้แล้ว ขอรถคืนภายใน 7 วัน ไม่มีการเรียกเงินใดๆ ทั้งสิ้น

พอวิชัยได้โนติส เขาก็โทรกลับมาทันที ถามว่าทำไมถึงบอกเลิกสัญญา ตนก็ชี้แจงไปว่า เขาผิดนัดชำระ แล้วยังเอารถไปจำนำ ผิดสัญญาหลายข้อ ขอให้เขาส่งรถคืน โดยปกติแล้วถ้าผิดสัญญาแบบนี้ จะต้องมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย แต่ทางเจ้าของรถไม่เอา ขอแค่รถคืน แต่ทางคุณวิชัยบอกว่าเขาจ่ายเงินมาแล้ว 4 แสนบาท จะให้ทำยังไง ซึ่งเรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายผิดสัญญาเอง แล้วจะให้ทางเจ้าหนี้ทำยังไง

ขณะที่นายเรืองรุจ ผู้สื่อข่าว จ.บุรีรัมย์ โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า ทนายก๋งอาจจะรับฟังแล้วเข้าใจผิดว่ารถเอาไปจำนำ จริงๆ วิชัยเอาไปจอดซ่อม แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม ทางเจ้าของอู่ก็เลยบอกว่า ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อม ก็ให้ขายรถคันนี้ให้ทางอู่ จะรับซื้อเอาไว้ หักลบค่าซ่อมไป แต่วิชัยต้องไปเคลียร์ค่างวดที่เหลือกับทางเจ้าของรถเดิมให้ได้ก่อน

นายวิชัยเลยบอกว่า ตั้งใจจะทำตามที่อู่บอก คือจะขายรถให้อู่ หักลบค่าซ่อมไป จึงจะเอาเงิน 2 แสนบาทไปปิดค่างวดที่เหลือกับทางเจ้าของรถ แต่ปรากฏว่าทางอู่บอกว่า เจ้าของรถจะเอา 2.8 แสนบาท มันบวมมา 8 หมื่นบาท คิดว่าเป็นค่าเสียหายก็เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง

ทางทนายยืนยันว่า 80,000 บาท ไม่ได้เรียกจากวิชัย ไม่ได้เรียกค่าเสียหาย แต่เป็นข้อเสนอที่เจ้าของรถยื่นให้ทางเต็นท์ เพื่อจบเรื่องกันแบบไม่มีใครต้องเจ็บตัว

ต่อมา เสี่ยเล็ก เจ้าของอู่และเจ้าของเต็นท์ โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า วิชัยเอารถมาจอดซ่อม ยืนยันไม่ได้จำนำ เนื่องจากรถมีสภาพเก่าโทรม แล้วที่จะซ่อมก็ยังไม่ได้เริ่มซ่อม เพราะเขาไม่มีเงินค่าซ่อมมาจ่าย

สุดท้ายทุกฝ่ายต้องมานั่งเจรจากันว่าจะหาข้อสรุปอย่างไร นายวิชัยบอกว่า ถ้าทางเจ้าหนี้ยอมรับเงิน 2 แสนบาท แล้วโอนกรรมสิทธิ์รถ ตนพร้อมโอนเดี๋ยวนี้เลย แต่ทางนายคำจุนสามีเจ้าของรถบอกว่า ตลอดเวลาที่วิชัยเงียบหาย ติดต่อไม่ได้ ตนต้องไปจ้างทนาย จ้างนักสืบติดตามรถ เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก ที่เรียก 8 หมื่น ถ้าเขาไม่พร้อมจ่าย ตนก็ยอมลดให้เหลือ 50,000 จ่ายมา 250,000 บาท แต่วิชัย สู้ได้มากสุดคือ 225,000 บาท

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สุดท้าย หนุ่ม กรรชัย เสนอว่าจะออกให้อีก 5,000 บาท รวมเป็น 230,000 บาท ก่อนที่สุดท้าย Nescafe สปอนเซอร์รายการจะติดต่อมา ขอจ่ายให้ 1 หมื่นบาท แล้วให้คุณวิชัย จ่าย 220,000 บาท ทำให้ได้ข้อสรุปจบลงด้วยดี

แท็กที่เกี่ยวข้อง  โหนกระแส ,เจ้าหนี้ ,ลูกหนี้

คุณอาจสนใจ

Related News