เจ้าของบ้านเล่านาที ‘นายกเล็ก-เมีย’ รัวปืนหมดแม็ก โกรธโดนร้องเรียนปล่อยน้ำเสีย

จากกรณี คืนวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา นายกเทศบาล ต.บ้านธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย และภรรยา เดินเข้าบ้านของประชาชน ซึ่งเปิดบ้านเป็นลานรับซื้อยางพารา รัวยิงปืนขู่จนหมดแม็ก ขณะที่ภรรยาของนายกฯเล็ก ก็ด่ากราดคนในบ้าน ขู่ว่าจะเอาให้ตาย กลายเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมา

คุณมะเหมี่ยว เจ้าของบ้านที่รับซื้อยาง ซึ่งเป็นผู้ประสบเหตุ เล่าเหตุการณ์ว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เป็นเรื่องพิพาทเรื่องที่ดิน ที่ตนและพ่อซื้อมาเมื่อปี 60 เป็นที่ดินที่สร้างบ้านอยู่ตรงนี้ ตั้งใจจะเอามาไว้ทำกิน ที่ข้างเคียงเป็นที่ของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นนายกเทศบาล ตำบลบ้านธาตุ เขามาขอซื้อที่ดินแปลงนี้จากเรา แต่เรายืนยันว่าจะไม่ขาย เพราะตั้งใจซื้อมาไว้ทำกิน

ปี 61 มีการทำรังวัดที่ จนทราบว่าที่ดินของผู้ก่อเหตุรุกล้ำเข้ามาในที่ของเรา ทำมาตั้งแต่ก่อนเราจะมาซื้อที่ดินแล้ว มีการทำรั้วและหลังคาเมทัลชีท ทำรูระบายน้ำออกมาในที่ดินของเรา เวลาที่ฝนตก หรือเวลาเขาระบายน้ำเสีย จะมีน้ำเหม็นๆ ระบายออกมาใส่ที่ดินของเราจนดินทรุด มีขยะ มีอะไรเต็มไปหมด

ในตอนแรก เราไปแจ้งเขาเรื่องปัญหานี้ และเสนอให้เขาฝังท่อลงใต้ดินได้ไหม ไปซื้อท่อมาก็ได้ ฝั่งบ้านเราจะทำให้เองแบบไม่เอาเงิน แต่เขาก็แค่รับปาก แต่ไม่ทำ ปัญหาก็เลยเกิดขึ้นซ้ำๆ จนเราต้องไปร้องกับทางเทศบาล ทางศูนย์ดำรงธรรม แต่เขาก็มีแค่หนังสือเตือนออกมา ไม่ให้เขาทิ้งขยะ ทำได้แค่นั้น ส่วนเรื่องรุกล้ำที่ดิน ให้เราไปติดต่อกรมที่ดินเอาเอง

เมื่อเจ้าหน้าที่รังวัดมาดู เขาก็ยืนยันว่าเราถูกรุกล้ำ ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ ให้เราไปฟ้องร้องเอาได้เลย เราคิดว่า ในกรณีที่ตั้งทนายฟ้อง ยังไงนัดแรกก็ต้องนัดไกล่เกลี่ยอยู่แล้ว เราจึงให้ทนายไปฟ้องเลย

แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น นายกเทศบาล คู่กรณี มาพร้อมภรรยา ถือปืนมายิงขู่ ตะโกนโหวกเหวกโวยวายด่ากราดหยาบคาย โดยนายกเล็ก พูดด้วยคำหยาบคายว่า “ไอ้...ที่อยู่ข้างในเดียว...ยิงแม่งหมด” จากนั้นภรรยาเดินเข้ามาสมทบ พูดจาด่าคนในบ้านพัก “ไปบอกลูกพี่... ก็ไม่เคยทำอะไรแล้ว...ไปร้องเรียนทำไม” ซึ่งหลังก่อเหตุเดินกลับบ้านที่อยู่ติดกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทนายแก้ว ให้ความรู้ในมุมกฎหมายว่า ในลักษณะพฤติการณ์ของนายกเล็กรายนี้ ผิดกฎหมายอาญาร้ายแรงหลายข้อ ในขณะที่ภรรยาซึ่งไปร่วม ก็หนีไม่ได้ ต้องถูกดำเนินคดีในฐานะตัวการร่วม และถือว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นข้าราชการพลเรือน ต้องรับโทษอาญาตามกฎหมายเหมือนประชาชนทั่วไป ดูแล้วพฤติกรรมที่ยิงปืนเข้าไปในบ้าน เล็งเห็นผล ประสงค์ต่อชีวิตชัดเจน แบบนี้โทษหนัก จะอ้างเรื่องมึนเมาก็อ้างไม่ได้ ส่วนที่ตำรวจอนุญาตให้ประกันตัว ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย ก็ต้องไปว่ากัน แต่บอกได้เลยว่า โทษหนักแน่นอน

ขณะที่ล่าสุด มีการสั่งให้นายกเล็กรายนี้ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และสั่งสอบวินัยข้าราชการ ถ้าผลออกมาว่าผิด ก็โทษถึงขั้นให้พ้นจากตำแหน่ง และก็ให้เข้ารับการดำเนินคดีอาญาตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้าน ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย โฟนอิน เข้ามาบอกว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำที่อุกอาจเกินกว่าจะรับได้ คนแบบนี้ควรเข้าไปสงสติในคุกสัก 6 เดือน จะได้ทบทวนการกระทำของตัวเอง ต้องหัดทำงาน เคารพประชาชน ทุกคนคือเจ้าของคะแนนเสียงของคุณ คือเจ้านายของคุณ มีหน้าที่ในการดูแลรับใช้ทุกคนอย่างเท่าเทียม

แล้วข้าราชการ หน่วยงาน ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ แก้ไขปัญหาให้ประชาชน พวกที่รับเรื่องร้องเรียนแล้วไม่ขยับทำอะไร อันนี้ต้องบอกเลยว่า ต้องไม่เกรงใจกัน เรื่องแบบนี้เกรงใจกันไม่ได้ ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด

ผกก.สภ.เมืองเลย พ.ต.อ.วรชัย บางยี่ขัน โฟนอินเขามาให้ข้อมูลทางคดีว่า ได้แจ้งข้อหาบุกรุกโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน ข้อหาพยายามฆ่า และข้อหาพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ส่วนทางภรรยาของนายกฯ เป็นผู้ร่วมกระทำผิด ยกเว้นคดีพยายามฆ่า

ผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามอบตัว ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวไปขอหมายขังที่ศาล ทราบว่าศาลให้ประกันตัวออกมาแล้ว  

ส่วนในทางผู้เสียหาย ทางตำรวจก็ได้มีการคุ้มครอง ไม่ให้ทางผู้ก่อเหตุไปยุ่งเหยิงวุ่นวายกับผู้เสียหาย ก็จะมีการเพิกถอนการประกันตัวได้เช่นกัน ยืนยันว่าตำรวจไม่เกรงใจใครทั้งนั้น ดำเนินตามกฎหมายทุกขั้นตอน

ขณะที่พ่อของผู้เสียหายเล่าว่า หลังเกิดเรื่อง นายกฯเล็ก ผู้ก่อเหตุ เขามาขอเจรจา โดยมีปลัด มีผู้ใหญ่บ้าน มีรองนายกเทศบาล มาขอเจรจา บอกว่าสำนึกผิดแล้ว ขอให้เราไม่เอาเรื่องเอาราว เขาก็มาพูดดีๆ แต่ทางเราก็ยืนยันว่า เรื่องนี้มันให้ไม่ได้จริงๆ เรื่องนี้มันเกินเลยมาไกลแล้ว เคยบอกเคยเจรจากับนายกเล็กไปแล้วก่อนจะมีเรื่อง แต่เขาไม่ยอมแก้ แล้วมาทำแบบนี้ ก็คงยอมความกันไม่ได้ แต่บรรยากาศในวันที่คุยก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาก็รับฟังเฉยๆ ว่าเราไม่ยอม

ท้ายที่สุดในเรื่องนี้ก็ต้องให้ดำเนินการกันตามกฎหมาย ในส่วนของนายกเล็ก ทางทีมงานพยายามติดต่อไปเพื่อจะขอคำชี้แจง แต่เจ้าตัวตัดสายทิ้งและติดต่อไม่ได้อีก จึงยังไม่มีการชี้แจงใดๆ จากฝั่งของนายกเล็กดังกล่าว