สังคม

รร.ยอมรับผิด เด็ก 3 ขวบ ล้มหัวฟาดพื้น ไม่ส่งรพ. / เมียหลวงให้ปากคำเอาผิดทางวินัยผัวแต่งงานซ้อน

โดย pattraporn_a

21 ก.พ. 2564

706 views

รร.ยอมรับผิด เด็ก 3 ขวบ ล้มหัวฟาดพื้น ไม่ส่งรพ.

กรณีที่ผู้ปกครองขอความเป็นธรรม ลูกชาย 3ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้น ศีรษะบวม ครูไม่นำส่งโรงพยาบาล และให้ทาน้ำมันเขียวเท่านั้น จนผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมง ถึงเวลาเลิกเรียนเด็กต้องทนความเจ็บปวดนาน จนกระทั่งผู้ปกครองมารับตอนเย็น จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล ทำให้เด็กเกิดอาการช็อกหมดสติแพทย์ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ


ล่าสุดนางอุบล สงเนียม ผอ.โรงเรียนอนุบาลบ้านเด็ก จังหวัดพัทลุง ระบุว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ยอมรับว่าทาง โรงเรียนมีความผิดพลาด โดยทราบเรื่องจากครูพี่เลี้ยงในช่วงเย็น และสังเกตุอาการเด็ก ยังเล่นกับเพื่อนได้ตามปกติ จึงไม่ได้แจ้งผู้ปกครอง หลังทราบเรื่องผู้ปกครองนำเด็กไปตรวจเอ็กซเรย์สมอง ที่โรงพยาบาลพัทลุง ระหว่างรับการรักษาเด็กเกิดอาการช็อก ซึ่งเด็กมีอาการไข้อยู่แล้ว และมีประวัติโรคประจำตัวคืออาการชักเกร็ง ซึ่งแพทย์รักษาจนพ้นขีดอันตราย


ขณะที่ผู้ปกครอง ยืนยัน จะเอาเรื่องทางโรงเรียนให้ถึงที่สุด เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างในการดูแลเด็กของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ด้านผู้ปกครองอีกราย ระบุ ลูกสาวเคยเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้ แต่ต้องขอย้ายออก เพราะปัญหาความสะอาด รวมทั้งให้เด็กอนุบาลทั้งชายและหญิงอาบน้ำรวมกัน ทำให้ดูแล้วไม่เหมาะสม



เมียหลวงเข้าให้ปากคำเอาผิดทางวินัยสามีแต่งงานซ้อน

ภรรยาหลวง พร้อมทนายเข้าให้ปากคำตำรวจ ยืนยันเอาเรื่องสามีแต่งงานซ้อน ในจังหวัดชัยนาท ด้านตำรวจเตรียมลงโทษทางวินัย หากสอบแล้วผิดจริง โดย ภรรยาหลวง และแม่สามี พร้อมด้วยทนายความ นำหลักฐานเข้าให้ปากคำที่ สภ.เมืองชัยนาท เพื่อดำเนินการทางวินัยกับสามี ซึ่งเป็นตำรวจ กรณีจัดงานแต่งซ้อนกับหญิงอื่น ทั้งที่มีทะเบียนสมรสถูกต้อง 


นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายความ บอกว่า เบื้องต้นทางภรรยาหลวงและสามี ยังไม่ได้ติดต่อหรือนัดหมายเจอกันตั้งแต่วันเกิดเรื่อง ทางครอบครัวก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนเรื่องฟ้องร้องกับเจ้าสาว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งกำหนดนัดหมายในเดือนเมษายน โดยภรรยาหลวงยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด เบื้องต้นฟ้องร้องค่าเสียหาย 3 แสนบาทพันตำรวจโทสมปอง นิลสนธิ รองผู้กำกับสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท ระบุ เตรียมลงโทษ ตำรวจหนุ่มคนดังกล่าว หากพบว่ากระทำผิดจริงจะถูกลงโทษทางวินัย ซึ่งมีการกำหนดบทลงโทษไว้แล้ว



เปิดใจ ผู้การฯ เพชรบุรี เจอสถานบันเทิงเสียงดังถึงตี 4 

กรณีผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ลากลับบ้านภูเก็ต พบสถานบันเทิง เปิดเพลงเสียงดัง ตี 4 ครึ่งยังไม่ปิดบริการ จนมีการแชร์ในโลกออนไลน์ ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจในเรื่องนี้ ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว


พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ลาพักผ่อนกลับบ้านภูเก็ต พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ากลับเพชรบุรี นอนฟังเพลงตั้งแต่ตีสองแต่มาถึงตีสี่ครึ่ง ก็ยังไม่หยุด จึงขี่จักรยานลูกไปถ่ายคลิปกับโทรแจ้ง 191 สงสัยคราวหน้ากลับบ้านเอากำลังมาด้วยดีกว่า เปิดเพลงส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ไม่เกรงใจใคร เป็นความผิดซึ่งหน้า จะได้จับเจ้าของยันผู้สนับสนุนให้ดู ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เปิดใจกับทีมข่าวแฟลชนิวส์ ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ แต่เสียงดนตรีดังมาก จนนอนไม่หลับ จึงต้องปั่นจักรยานไปถ่ายคลิป โดยขณะถ่ายคลิปเจ้าหน้าที่ในร้านได้ออกมาพูดคุยด้วย ซึ่งตนไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นใคร พร้อมตักเตือนไป ทั้งนี้ตนเข้าใจภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง แต่ต้องหาจุดสมดุล ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น


ด้าน พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผู้กำกับ สภ.เมืองภูเก็ต ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบสถานบันเทิงดังกล่าว พบว่าฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดภูเก็ตเรื่องมาตรการควบคุม โควิด-19 และเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ขายหรือให้บริการสินค้าบารากุ ขณะที่้ พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตยืนยัน ได้กวดขันจับกุมกลุ่มสถานประกอบการที่เปิดให้บริการลักษณะนี้ มาโดยตลอด พร้อมขอบคุณ พล.ต.ต.อุทัย ผู้โพสต์ ที่ช่วยกันเป็นหูเป็นตา พร้อมจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ภายใน 3 วัน หากพบเป็นความบกพร่องของผู้ใด จะพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป 



หญิงโพสต์คลิปเพื่อนบ้านเสียงดัง พอเตือนถูกตะโกนด่า-เปิดเพลงดังกว่าเดิม

ผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิป ญาติซึ่งเป็นผู้หญิงอยู่บ้าน ในจังหวัดชลบุรี มีเพื่อนบ้านเปิดเพลงเสียงดัง พอไปเตือนกลับถูกตะโกนด่า และเปิดเพลงดังกว่าเดิม ไปแจ้งความ พอตำรวจมา ก็จะลดเสียง หรือปิดเสียง และพอตำรวจกลับ ก็กลับมาเปิดเพลงเสียงดัง เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ถูกเพื่อนบ้าน มาต่อว่าถึงหน้าบ้าน 


โดยหญิงอายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน ระบุ อาศัยอยู่ที่บ้านนี้มา 12 ปี เพื่อนบ้านเปิดเพลงเสียงดังทุกวันจนทนไม่ไหว เพื่อนบ้านที่เคยอาศัยอยู่รอบๆ ย้ายหนีไปเกือบหมดแล้ว แต่พอไปเตือนก็ถูกข่มขู่ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ขณะที่ชายอายุ 40 ปี เพื่อนบ้านคู่กรณีเปิดเพลงดัง ยอมรับ เป็นคนในคลิปที่ตะโกนโวยวายหน้าบ้าน พร้อมยืนยันเปิดเพลงจากลำโพงบลูทูธ ไม่ได้เปิดเพลงเสียงดัง ส่วนเพื่อนบ้านอีกคน บอกว่า บ้านอยู่ติดกับบ้านชายคู่กรณี ไม่ได้เปิดเพลงทั้งวัน และไม่ได้เปิดเสียงดัง เช่นเดียวกับกรรมการหมู่บ้าน ที่บอกว่า เคยไปตรวจสอบมาแล้ว ก็ไม่พบว่าเสียงดังมาก



ไฟไหม้หญ้าลามไหม้รถของกลาง สภ.คลองหลวง

รถเก๋งและรถกระบะของกลาง ที่ สภ.คลองหลวง จอดเก็บรักษาไว้ เสียหายจำนวน 5 คัน เจ้าหน้าที่ได้ประสานรถดับเพลง อบต.คลองสี่ และรถขอวบรรเทาสาธารณภัยวิษณุ ปทุมธานี เข้าดับไฟ ซึ่งเหตุดังกล่าว เกิดจากเพลิงไหม้ป่าหญ้า บริเวณถนนเลียบคลองแอล3-4 ตำบลคลองสี่ ที่อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ สภ.คลองหลวง และได้ลุกลามไหม้รถของกลางที่จอดติดกันจำนวนหลายคัน ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีไฟจึงควบคุมเพลิงได้ 


ตรวจสอบพบว่ารถเก๋งเสียหาย 3 คันรถกระบะ2 คัน จากการสอบถามคนดูแลสถานที่เก็บของกลางบอกว่า เห็นว่าไฟไหม้ป่าหญ้าอยู่ด้านนอกยังไม่ลามเข้ามาด้านใน จากนั้นไม่นาน ไฟได้ลามเข้ามาไหม้รถที่จอดอยู่ด้านใน ตนพยายามเอาถังดับเพลิงเคมีมาดับ แล้วแต่ไฟลุกเร็วมากจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้เข้ามาช่วยเหลือ


ด้าน พ.ต.ท.วีรวัฒน์ นิยมทรัพย์ สารวัตรสอบสวนสภ.คลองหลวง เข้าตรวจสอบพร้อมเก็บหลักฐาน ว่ามีคนมาจุดป่าหญ้าและลามเข้ามาไหม้รถของกลางหรือไม่ และจะได้นำตัวคนดูแลสถานที่เก็บของกลางไปสอบสวนอีกครั้ง


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/schY8xgvzek

คุณอาจสนใจ

Related News