‘พี่มาก’ เบี้ยวนัด ไม่มาไกล่เกลี่ยหนี้อดีตภรรยา ‘ทนายตั้ม’ จ่อพาผู้เสียหายไปตามทวง

‘พี่มาก’ เบี้ยวนัดไกล่เกลี่ยหนี้อดีตภรรยา ไม่ได้เซ็นหนังสือรับสภาพหนี้ ‘ทนายตั้ม’ จ่อพาผู้เสียหายไปตามทวงที่โรงเรียนการบิน

จากกรณีที่ชายชาวจีนร้องทนายษิทราว่า โดนภรรยาหลอกหย่าแล้วไปคบคนใหม่ คือ พี่มาก ปรากฏว่าต่อมา ภรรยาของแฟนใหม่ติดต่อเข้ามาว่าอยู่กินกันปกติจนมาเกิดเหตุดังกล่าว และยังมีอดีตภรรยาที่ออกมาแฉอีกหลายคนว่านอกจากเรื่องเจ้าชู้แล้ว พี่มากยังมีพฤติกรรมยืมเงินแล้วไม่คืน มีหนี้สินติดค้างกันเป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ขวัญ กร และมิ้น อดีตภรรยาของพี่มาก เดินทางมาที่สำนักงานกฎหมายของทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หลังพูดคุยกับพี่มากว่าจะมาไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้สินที่ติดค้างกัน แต่ปรากฏว่าพี่มากเบี้ยวนัด

ทนายษิทรา กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องก็ได้พูดคุยกันกับพี่มาก ว่าจะจบทุกอย่าง ยอมใช้หนี้และแยกย้ายกันไปทำมาหากิน จึงได้นัดหมายให้มาพบกันในวันนี้ แต่เมื่อช่วงเช้าได้โทรไปถามอีกครั้ง พี่มากบอกว่า จะให้ทนายความมาแทน ตนเองจึงบอกว่าไม่ได้ เพราะต้องทำหนังสือรับสภาพหนี้ ทนายความไม่สามารถเซ็นแทนได้ ต้องมาเอง ถ้าให้ทนายความมาก็ไม่เกิดประโยชน์ ก็ไม่ต้องมาแล้ว ตนเองจะดำเนินการตามขั้นตอน ไม่คุยแล้วเพราะโตๆ กันแล้ว

หลังจากนั้น 10 นาทีทนายความได้โทรกลับมาบอกว่า สรุปพี่มากจะมาตามนัด แต่ขอเลื่อนเป็น 13.00 น. จึงตกลงและหลังจากนั้นอีก 12 นาที ทนายความก็โทรมาอีกว่าพี่มากเปลี่ยนใจแล้ว จะไม่มา แต่หากมีเอกสารอะไร ก็ให้ฝากไปได้เลย จะเซ็นให้ ซึ่งก็บอกไปว่าไม่สามารถทำได้ หลังจากนี้จะพูดคุยรายละเอียด และพาผู้เสียหายไปติดตามพี่มากที่โรงเรียนการบิน

ขณะที่แม่ของขวัญ เปิดใจทั้งน้ำตาว่า เธอมีลูกคนเดียว สามีเสียชีวิตไป ก็เลี้ยงลูกด้วยความรัก ลูกรักใคร เธอก็รักด้วย กับพี่มากนั้นรักเหมือนลูกในไส้ ซัปพอร์ตทุกอย่าง เวลามาหา เขาก็บอกจะดูแลแม่ ถ้าเกษียณจะพาไปอยู่ด้วย จะทำเพื่อครอบครัว ซึ่งเขาใช้จุดนี้เป็นบันไดไต่ให้เขาสูงขึ้น

ที่ผ่านมาพี่มากเคยยืมเงินเธอไป 8.6 ล้านบาท วันที่หย่ากับขวัญ พี่มากมาขอหย่าเอง บอกว่าจะมีคนมาทำธุรกิจ ถ้าไม่หย่า ผู้ใหญ่ก็จะไม่ทำธุรกิจด้วย เธอเลยขอให้ทำสัญญาเงินที่ยืมไป เขาก็บอกให้เอาสลิปมา ซึ่งเธอหาไม่ได้ เพราะบางส่วนก็ให้แบบไม่ใช้สลิป ขวัญเลยให้ลดเหลือ 8.3 ล้านบาท และไม่คิดดอกเบี้ยด้วย เพราะแค่อยากได้เงินคืน แต่ก็ยังไม่ได้

หลังจากนั้น เขามาบอกว่า จะกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ตอนนี้กิจการกำลังเจริญรุ่งเรือง ลูกค้าเยอะ แต่ยังขาดเงิน จึงอยากให้เธอหาเงินมาช่วยหน่อย ลูกกับหลานเธอจะได้มีอนาคตที่ดี เธอเห็นว่าถ้ากิจการดีก็ควรสนับสนุน เขาบอกจะกลับตัว ก็ยอมเอาบ้านที่สวรรคโลกไปฝากขาย ได้เงิน 8 แสนบาท แต่ต้องเสียดอกเบี้ยอีกเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งเขาก็เอาเงินไป 8 แสนบาท ติดหนี้มา 3 เดือนแล้ว ยังไม่จ่ายคืน

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่พี่มากมาบอกกับแม่ตอนก่อนนอนว่า ขอยืมเงิน 2 แสนบาท เลยบอกให้เอาบัตรเครดิตไป ปรากฏว่าพอเธอหลับ เขาก็เอาบัตรไปเพิ่มวงเงินแล้วรูดไป 5 แสนบาท เธอต้องไปกู้สหกรณ์หาเงินมาปิดยอดบัตร จากนั้นเหลือเงินสดติดตัวก้อนสุดท้ายอีก 3 แสนบาท เขาก็มาขอเงินบอกว่าจะเอาไปมัดจำเครื่องบินและซ่อมรถหรู โดยบอกว่าจะจ่ายภายใน 15 วัน วิงวอนขอให้เชื่อ ถ้าแม่ไม่มีเงินก็ให้บอก เขาจะให้ แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่เคยได้แม้แต่สลึงเดียว

ตอนนี้เธอยังมีภาระหนี้สินจำนวนมากที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนให้กับพี่มาก เธอก็มีเงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาท ซึ่งไม่พอใช้ จนสัปดาห์ที่แล้ว เขาจะพาหลานออกไปข้างนอก เธอแย้งว่าไม่ให้เอาไป เกิดการเถียงกัน พี่มากก็ถีบเธอ และไล่ให้เธอกับขวัญออกจากบ้านไป เธอเลยบอกให้คืนเงินมา เขาก็บอกว่าไม่คืน และไปคว้าขาตั้งป้ายมาจะตีเธอ

จากนั้นเธอเลยเก็บข้าวของกลับบ้าน และบอกกับขวัญว่าถ้ายังคบผู้ชายคนนี้ แม่ก็จะตัดขาดแล้ว ปรากฏว่าขวัญไปเจอที่ร้านเหล้าและพบว่าพี่มากไปอยู่กับผู้หญิง และตอนเธอขับรถกลับบ้านก็ได้ดูข่าว จึงเพิ่งรู้เหมือนกัน ก็ไม่คิดว่าเขาจะทรยศครอบครัว ทรยศต่อความไว้ใจของเธอได้ขนาดนี้ โดยตอนนี้ก็อยากฝากบอกว่า ขอให้หาเงินมาใช้คืน จะทยอยให้ก็ได้ ขอร้อง เพราะชีวิตต้องเดินต่อ