‘ดีอี’ เผยชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงชื่อในบัญชีธนาคาร มีมากกว่า 30 ล้านบัญชี

‘กระทรวงดีอี’ เผยจำนวนชื่อเจ้าของซิมการ์ดที่ไม่ตรงกับชื่อในบัญชีธนาคาร มีมากกว่า 30 ล้านบัญชี แนะติดต่อเครือข่ายมือถือ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของเดิมมาแสดงตน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอี) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เริ่มมาตรการตรวจสอบ 27 พ.ค. 67 จำนวน 106 ล้านเลขหมาย โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 120 วัน (ภายในเดือน ต.ค.) ระหว่างนี้ประชาชนยังสามารถใช้งานโมบายแบงก์กิ้งได้ปกติ

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า จำนวนชื่อเจ้าของซิมการ์ดที่ไม่ตรงกับชื่อในบัญชีธนาคาร มีมากกว่า 30 ล้านบัญชี สำหรับประชาชนที่ชื่อครอบครองซิมการ์ดไม่ตรงกับชื่อบัญชีธนาคาร แนะนำให้ผู้ถือครองซิม ติดต่อศูนย์บริการเครือข่ายมือถือที่ใช้งานอยู่เพื่อเปลี่ยนชื่อของผู้ครอบครองซิมการ์ด ให้ตรงกับตัวผู้ถือบัญชี โดยไม่จำเป็นต้องให้เจ้าของเดิมมาแสดงตน เพียงนำบัตรประชาชนของผู้ถือครองซิมมาแสดงเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเปลี่ยนโปรฯ หากศูนย์บริการให้เปลี่ยนโปรที่แพงขึ้น ให้แจ้ง กสทช. ได้ทันที

แต่สำหรับกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มบุคคลในครอบครัวเดียวกัน ที่มีเหตุจำเป็น เช่น เปิดซิมการ์ดให้ผู้สูงอายุ หรือ เด็กเล็ก 2. เป็นผู้อนุบาลตามคำสั่งศาล 3. เป็นนิติบุคคลที่มีความจำเป็นต้องใช้บัญชีและซิมการ์ดเป็นจำนวนมาก และ 4. กรณีธนาคารเห็นว่ามีเหตุอันควรที่ชื่อไม่ตรงกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อยกเว้น ที่ให้ธนาคารใช้ดุลพินิจ ทางสมาคมธนาคารไทย จะต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการวางกรอบมาตรการให้เป็นเกณฑ์การพิจารณาที่ชัดเจน รวมถึงจะมีการหารือในเรื่องข้อกฎหมาย และข้อจำกัดต่างๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 120 วันเช่นกัน

นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ ต่อไปนี้ บัญชีที่ไปเปิด จะทำยากขึ้น ต้องมีเงื่อนไข โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงจะถูกตรวจสอบก่อนอนุมัติเปิดบัญชี บางคนถือถึง 400 บัญชี เกินความจำเป็น ธนาคารต้องตรวจสอบเข้มงวดขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศมาตรการภายในเดือน มิ.ย. บางธนาคารตรวจสอบแล้ว ในกลุ่่มต่างด้าว จำเป็นต้องไปจดหมายเลขโทรศัพท์และเลขบัญชี ให้ตรงกันเท่านั้น

นอกจากนี้ยืนยันว่า ข้อความแจ้งเตือนต่างๆ จากธนาคารจะมีการแจ้งผ่านแอปฯ โมบายแบงก์กิ้งเท่านั้น จะไม่มีการส่งผ่าน SMS