'หมอชลน่าน' ยัน 'ข้อมูลผู้ป่วยหลุด 2.2 ล้านชื่อ' ไม่ใช่ รพ.สังกัด สธ. เหตุมีระบบป้องกัน - จนท.ตรวจสอบ

'หมอชลน่าน' ยันไม่ใช่ข้อมูล รพ.สังกัด สธ.หลุด หลังเพจดังแฉ แฮ็กเกอร์เจาะข้อมูลผู้ป่วยได้แล้ว ยันไม่ขอท้าทาย แต่ต้องรับมือ พร้อมถอดบทเรียนครบรอบ 1 ปี วางระบบป้องกันเข้มข้น

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณี เพจชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ข้อความ หลังพบว่า มีการซื้อขายข้อมูลผู้ป่วยเพิ่มอีก 2.2 ล้านชื่อ จากกระทรวงสาธารณสุข

'หมอชลน่าน' ยืนยันว่า ไม่ใช่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เพราะมีระบบป้องกัน และมีเจ้าหน้าที่ไว้ตรวจสอบตลอด

จากข้อมูลที่เป็นข่าว ไม่แน่ใจว่าเป็นของหน่วยงานไหน เพราะระบบของกระทรวงสาธารณสุขที่วางไว้ เรื่อง Cyber Security เป็นอันดับหนึ่ง

พร้อมกับยอมรับว่า เมื่อคืนก็ถูกแฮ็กเกอร์โจมตี ที่โรงพยาบาลจังหวัดร้อยเอ็ด แต่เราป้องกันได้ นับเป็นตัวอย่างของการวางระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ ของกระทรวงสาธารณสุข ที่เตรียมรับมือเอาไว้

เมื่อถามว่า ส่วนโรงพยาบาลต่างจังหวัด ที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ไว้คอยมอนิเตอร์ ทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการตั้งทีมดูแล อย่างไรนั้น

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ

1. หากโรงพยาบาลที่เข้าระบบ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกัน เช่น โครงการ 30 บาทพลัส ใน 4 จังหวัดนำร่อง ที่เปิดบริการชุดที่สองในเดือนมีนาคม ซึ่งกลุ่มนี้ จะมีการวางระบบในการดูแลอย่างเข้มข้น และมีคณะทำงานจากส่วนกลาง ในแต่ละจุดของพื้นที่ แต่ละโรงพยาบาลจะมีการเปิดวอร์รูมเฝ้าระวัง

2. โรงพยาบาลที่ยังไม่เข้าระบบ จะพัฒนาบุคลากรให้ดูแลเฉพาะที่ซึ่งยังไม่เข้าสู่ระบบ ส่วนนี้กระทรวงฯ ยังไม่กังวล แต่เมื่อพร้อมเข้าสู่ระบบแล้ว เช่น เฟส 3 ในประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ ระบบข้อมูลทุกอย่างต้องพร้อมหมด รวมถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งจะมีประมาณ 20 กว่าจังหวัด ในเฟสนี้

เมื่อถามว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ถอดบทเรียนไว้ได้เยอะแล้วหรือไม่ ในเรื่องของการแฮ็กเกอร์ข้อมูล

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า แฮ็กเกอร์ต้องยอมรับในฝีมือ และอย่าไปท้าทาย เรามีหน้าที่เฝ้าระวัง และป้องกัน

คนที่เป็นแฮ็กเกอร์ เมีความชำนาญ มีประสบการณ์เยอะ ซึ่งกระทรวงฯ พยายามที่จะเรียนรู้แบบรู้เขารู้เรา และทำระบบที่มีมาตรการที่ดีในการรับมือ ซึ่งหากเราทำงานเป็นระบบแบบนี้ ก็มีความมั่นใจว่า จะสามารถป้องกันได้

-------------
ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า

กระทรวงดีอี ได้ทำงานร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น

ซึ่งได้ทราบว่า ข้อมูลที่มีการอ้างว่ารั่วไหล 101 รายชื่อ ไม่มีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกระทรวงสาธารณสุข เพราะฉะนั้น ขณะนี้ ได้รับการยืนยันว่า ยังมีความปลอดภัยของข้อมูลอยู่ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ก็ยังมีการช่วยการตรวจสอบ และระมัดระวังอยู่

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวก็เคยปรากฏเป็นข่าวมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้ ก็ปรากฏเป็นข่าวอีก จึงเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ ต้องยอมรับว่า เมื่อมีข้อมูลรั่วไหล สิ่งที่ตามมาก็คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่จะอาศัยข้อมูลเหล่านี้ ไปก่อความเสียหาย

โดยขณะนี้ ทางกระทรวงดีอี ได้พยายามบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด

-------------