สังคม

'ผู้การแต้ม' ยื่นสอบกม. 'ยาบ้า 5 เม็ด' ชี้เปิดช่องผู้ค้ารายย่อย ผู้ตรวจการแผ่นดินขีดเส้น สธ. แจงใน 30 วัน

โดย nut_p

8 มี.ค. 2567

654 views

'ผู้การแต้ม ' ยื่นสอบกฎหมาย 'ยาบ้า 5 เม็ด' ชี้เปิดช่องผู้ค้ารายย่อย ส่งผลร้ายต่อประชาชนมากกว่าผลดี ผู้ตรวจการแผ่นดินขีดเส้น กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงภายใน 30 วัน



พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 หรือกฎหมายใหม่ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าการครอบครองยาเสพติดต่ำกว่ากำหนด เช่น ยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด หรือยาไอซ์ไม่เกิน 100 mg เป็นการครอบครองเพื่อเสพ ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ป่วย โดยมี พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้รับหนังสือ



โดย พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยว่า ตนมาในฐานะประชาชนคนหนึ่ง เห็นว่ากฎกระทรวงนี้เป็นผลร้ายต่อประชาชนมากกว่าผลดี เพราะเป็นการเปิดช่องให้เกิดผู้ค้ารายย่อยจำนวนมากขึ้น จำนวนคนเสพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั้งที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดวางหลักไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ครอบครองยาเสพติดจะต้องได้รับโทษ ส่วนคนเสพก็เข้าสู่กระบวนการบำบัด แต่ทว่ากฎกระทรวงนี้เปิดช่องให้ผู้ครอบครองยาเสพติด 5 เม็ดเป็นผู้เสพ ต้องเข้าสู่กระบวนการบำบัด ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด



นอกจากนี้ กฎกระทรวงดังกล่าวจะเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐทุจริตเรียกรับเงินจากผู้กระทำความผิด ครอบครองยาเสพติด ให้สามารถปรับข้อหาสถานหนักให้กลายเป็นสถานเบาได้ เมื่อกฎหมายเปิดช่องเช่นนี้ ก็จะทำให้เกิดผู้ค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น ผู้ติดยาเพิ่มมากขึ้น ยาเสพติดถูกนำเข้ามามากขึ้น และส่งผลให้อาชญากรรมเกิดมากขึ้น



ดังนั้น จึงถือว่ากฎกระทรวงดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยและขัดเสียธรรมอันดีของประชาชน อีกทั้งขัดต่อกฎหมายอื่น ๆ ได้แก่ ประมวลกฎหมายยาเสพติด วันนี้ตนจึงมายื่นหนังสือให้ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการแก้ไขปัญหาและตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนพิจารณาส่งศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนกฎกระทรวงดังกล่าวไม่ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป



พล.ต.ต.วิชัย ยังมองอีกว่า ในฐานะที่ตนเป็นอดีตนายตำรวจ การลดอาชญากรรมและปัญหายาเสพติดที่ถูกต้อง คือต้องลดจำนวนผู้เสพลง ไม่ใช่เพิ่มจำนวนยาที่ทำให้ถูกกฎหมาย กฎกระทรวงฉบับนี้ไม่ก่อประโยชน์อันใดแก่ประชาชน เพราะถึงขนาดทำให้เฮโรอีน ซึ่งถือเป็นยาเสพติดร้ายแรงและไม่สามารถบำบัดได้ ต้องมาพิจารณาว่า หากครอบครองไม่เกิน 300 มิลลิกรัม ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้เสพนั้น ตนมองว่า ยาเสพติดต่อให้เข้าสู่ร่างกายก็ถือว่าเป็นผู้เสพแล้ว จะมากำหนดจำนวนทำไม อีกทั้งผลงานวิจัยที่บอกว่า หากเสพเกิน 5 เม็ดขึ้นไป จะทำให้ผู้เสพเกิดอาการคุ้มคลั่งนั้น ตนมองว่านี่เป็นเรื่องในเชิงวิชาการ แต่ในความเป็นจริงนั้น มันไม่มีใครที่เสพเกินห้าเม็ดทีเดียว มีแต่เสพวันละเม็ดสะสมไปเรื่อย ๆ จนทำให้เกิดอาการคุ้มคลั่ง จะมาพูดจาสวยหรูว่า มียาเสพติดเม็ดเดียวถือว่าจำหน่าย มันไม่ใช่ มียาเสพติดแค่เสี้ยวเดียวก็ถือว่าจำหน่ายได้ ต้องไปดูกฎหมายให้ชัดว่า แค่การแจกจ่ายก็ถือว่าเป็นการจำหน่าย



จึงถือได้ว่ากฎกระทรวงฉบับนี้ ไม่ได้เป็นการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเลย การที่ให้เหตุผลเพียงแค่ว่า มีกฎกระทรวงฉบับนี้เพื่อลดปริมาณคนล้นคุกนั้น ตนมองว่ายิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะกลายเป็นการปล่อยให้คนเสพยาหลุดออกมาใช้ชีวิตในสังคม ก็ทำให้อาชญากรรมพุ่งขึ้น ตอนนี้แต่ละสถานีตำรวจต้องควบคุมคนคุมคลั่ง 4-5 รายต่อวัน และสิ่งที่น่าสงสัยก็คือ ถ้ามีนโยบายนำผู้เสพไปบำบัด แล้วทางรัฐบาลมีข้อมูลตัวเลขไหมว่าสามารถบำบัดผู้เสพยาเสพติดไปแล้วเท่าไหร่ และศูนย์บำบัดยาเสพติดอยู่ที่ไหน ดังนั้นตนยืนยันว่า จะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด



ด้านเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จะรับเรื่องนี้ไว้พิจารณา โดยถือว่าประเด็นหลักของเรื่องนี้คือ การขอให้ยกเลิกกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว ซึ่งการยกเลิกกฎกระทรวงนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีคือ หากผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วพบว่า กฎกระทรวงดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือขัดต่อกฎหมายอื่น ๆ ก็จะส่งเรื่องให้ศาลปกครองดำเนินการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว อีกวิธีการหนึ่งคือ หากผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่า กฎกระทรวงฉบับนี้ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยและขัดศีลธรรมอันดีของประชาชน ก็จะเป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่สามารถวินิจฉัยยกเลิกกฎหมายได้



โดยหลังจากนี้ ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในที่นี้ก็คือกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงภายใน 30 วัน หากข้อมูลเพียงพอต่อการวินิจฉัย ผู้ตรวจการแผ่นดินก็สามารถวินิจฉัยได้ทันที แต่ถ้าหากข้อมูลยังไม่เพียงพอ อาจจะมีการขอความเห็นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ป.ป.ส. ในประเด็นเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐหรือในความเห็นอื่น ๆ เพิ่มเติมมาประกอบการวินิจฉัยต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News