สังคม

หมอสาวร้องขอความเป็นธรรม นั่งชมจันทร์บันไดวิลลาริมหาด ถูกฝรั่งเจ้าของปางช้างทำร้าย ขู่รู้จักบิ๊ก ตร.

โดย panisa_p

28 ก.พ. 2567

1.8K views

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความว่า "เรื่องเล่าจากแพทย์หญิงไทยถูกชายต่างชาติชาวสวิสทำร้ายบนผืนดินไทย ลูกสาวของผมผู้เป็นหมออยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นคนสุภาพและถ่อมตนเป็นปกติ เขียนข้อความออกมาจากร่างกายและจิตใจของเธอที่ถูกทำร้ายว่า สวัสดีค่ะ ขออนุญาตขอความช่วยเหลือเพื่อกระจายข่าวเพื่อความยุติธรรมด้วยค่ะ เราถูกชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างทำร้ายร่างกายค่ะ โดยมีลำดับเหตุการณ์ดังนี้ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น.เราไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกัน หลังกินเสร็จก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวใกล้บ้านบริเวณ Cape Yamu คือ ปกติไปเดินเที่ยวบ่อย เนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และค่อนข้างปลอดภัย


ตอนเราเดินไปที่หาดกับเพื่อนเจอพี่ยามคนหนึ่ง แกก็ถามว่าเรามาดูดวงจันทร์ใช่มั้ย เพราะมันเป็นวันมาฆบูชา เลยตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า ครับ เอนจอยครับ แล้วเดินจากเราไป เรากับเพื่อนเดินดูดวงจันทร์บนชายหาดกันสักพัก รู้สึกเมื่อยและอยากนั่งพัก จึงเดินไปนั่งตรงบันไดที่ปลูกลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจากวิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย


ในขณะที่เรานั่งอยู่รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จึงหันไปพูดกับเพื่อนว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินมา จากนั้นพลันก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่า เกิดจากหน้าแข้งที่กระหน่ำเตะลงมาที่กลางหลัง จากชายชาวต่างชาติตัวใหญ่ น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวิดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด เรากับเพื่อนเลยเดินไปหาพี่ยามที่ป้อมยามบนเนินข้างบน แล้วบอกว่า “พี่คะ หนูถูกทำร้ายร่างกาย” พี่ยามก็ตกใจและพาเราไปยังหน้าวิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ


ฝรั่งคนนั้นแสดงอาการโกรธ สบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้นภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ตอนนั้นเรากับเพื่อนแอบดีใจ เพราะคิดว่าจะเคลียร์กันได้ แต่ประโยคแรกที่ภรรยาชาวไทยพูด ถึงกับทำให้เรากับเพื่อนสตันท์ไป เพราะเธอบอกว่า “นี่ สองตัวนี้มานั่งอยู่หน้าบ้านกู พวกมึ_รู้มั้ย ต่อให้พวกกูยิงพวกมึ_ตาย ก็ไม่ผิด เพราะลูกเป็นตำรวจ และรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต จะเอาพวกมึ_เข้าคุกให้ได้ จะโทรหาท่านรองเดี๋ยวนี้” จากนั้นเธอก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่าให้ส่งตำรวจมา


ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง หลังจากที่ตำรวจมาคุยกับเรา เราก็บอกกับตำรวจว่า เราถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็มาพูดกับเราว่า “อ๋อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้มั้ยฉันไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมึ_นั่งหน้าบ้าน” เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้นตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราเป็นคนบุกรุก มีโทษหนักกว่า ต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกาย จ่ายเงินก็จบ เราเลยช็อกไป ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก เราจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2. ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ 3. ไปคุยกันที่โรงพัก ฝั่งนู้นเค้าบอกว่า “#เราขอโทษฝรั่งได้_แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษเรา #และเราจะต้องติดคุก”


หลังจากนั้นเราจึงไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง หลังจากแจ้งความ เราได้ทราบชื่อของชาวต่างชาติคนนี้ซึ่งทำให้เราช็อกมาก เพราะชายคนนี้เป็นชาวสวิส เป็นเจ้าของมูลนิธิที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือช้าง ที่เคลมว่าเค้าจะปกป้องดูแลช้างและไม่ทำร้ายช้าง แต่เค้าทำร้ายผู้หญิงค่ะ! รบกวนขอความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ เพราะอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีข้อสังเกตว่ามีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เบื้องหลัง และเราคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น #ไม่สมควรมีคนไทยคนไหนโดนชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย #คนไทยผู้เป็นสุจริตชน #ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยค่ะ จาก #ผู้หญิงไทยคนหนึ่งผู้ถูกชายชาวต่างชาติคนหนึ่งทำร้าย"


ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 ก.พ. 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปจำนวน 2 คลิปจากแพทย์หญิงคนดังกล่าว ซึ่งเป็นแพทย์เวชปฎิบัติทั่วไป ประจำคลินิก รพ.เอกชนชื่อดังของ จ.ภูเก็ต โดยในคลิปเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันเกิดเหตุ ซึ่งรายละเอียดเป็นไปตามที่เฟซบุ๊กของคุณพ่อหมอได้ลงรายละเอียดไว้ โดยยังคงเน้นย้ำในการขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนทุกแขนง เนื่องจากภรรยาชาวต่างชาติที่เป็นคนไทย อ้างว่ามีลูกชายเป็นตำรวจและรู้จักกับนายตำรวจใหญ่ของ จ.ภูเก็ต ซึ่งตนเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ถลางเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป

คุณอาจสนใจ