ฮือฮา ชาวบ้านแห่ไหว้ โครงกระดูกมนุษย์โบราณ เจอธูปม้วนเป็นตัวเลข

ที่ศาลาย่าบุญมี หรือแม่ย่าดอกคำหลวง ไชยบุรี สีจำปาฐาน บ้านแพง ม.11 ต.แพง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม นายฉลอง พึ่งโคกสูง นายอำเภอโกสุมพิสัย พร้อมกับ วัฒธรรมอำเภอโกสุมพิสัยและ ชาวบ้านในพื้นที่ เข้ากราบไหว้ ศาลาย่าบุญมี หรือแม่ย่าดอกคำหลวง ไชยบุรีสีจำปาฐาน ซึ่งได้มีการกล่าวอ้างว่าเป็นโครงกระดูกมนุษย์โบราณ เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีบรรพบุรุษมาอยู่อาศัยบริเวณนี้มาไม่น้อยกว่า 200 ปี ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคลทางญาติพี่น้องได้ฝันเห็นจึงได้นำรถแม็คโฮมาขุดนำร่างของคุณย่าบุญมีขึ้นมา แล้วก็ได้มีคนมาขอโชคกันจำนวนมาก พอสมหวังก็ได้มาสร้างศาลา สร้างพื้นที่ให้กับคุณย่าบุญมี

นางรุ่งนภา เหมืองทอง อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า ช่วงก่อนที่ขุดขึ้นมาใหม่ ๆ ชาวบ้านในพื้นที่ถูกหวยกันเป็นจำนวนมาก โดยก่อนที่จะพบย่าบุญมี เจ้าของที่ดินเขาฝันเพราะย่าบุญมีอยากจะขึ้นมา ก็ได้มาขุดกันขึ้นมาไว้แล้วคนที่ได้โชคได้ลาภก็มาสร้างศาลาและซื้อสิ่งของมาถวาย ส่วนชาวบ้านที่ได้มาขอพรได้จุดธูปไหว้ย่าบุญมี ได้เลขต่าง ๆ ที่ได้นั้นก็อยู่ที่ว่าคุณย่าบุญมีจะใช้โชคหรือไม่ อย่างรอบนี้ได้ให้ไว้ที่ธูปที่ม้วนเป็นเลข 60 ทำให้เป็นที่ฮือฮาเพราะคุณย่าบุญมีไม่ได้ให้โชคลาภมานานแล้ว สำหรับบ้างคนก็บอกว่า 10 00 18

โดยประวัติบ้านแพงเริ่มจัดตั้งหมู่บ้านประมาณ ปี พ.ศ. 2369 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ราษฎรกลุ่มหนึ่งอพยพมาจากบ้านงิ้วบ้านโนน ในเขตอำเภอวาปีปทุมในปัจจุบัน ประมาณ 10 ครอบครัว อพยพมาตั้งหมู่บ้านและตั้งวัดใต้ (วัดชัยมงคล) ราษฎรอีกกลุ่มหนึ่งอพยพมาจากบ้านท่าสวนยา ซึ่งมีเชื้อสายเจ้านายเมืองหลวงพระบาง (หรือเมืองชั้ว หรือเมืองขวา) ประเทศลาว ซึ่งตอนแรกมาอยู่บริเวณบึงคันชา ต่อมาจึงอพยพมาอยู่ในบริเวณบ้านแพง คุ้มสำโรง (มีต้นสำโรงมาก) และมาสร้างวัดเหนือ (วัดชัยประสิทธิ์) ผู้นำอพยพมาจากเมืองหลวงพระบางมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงชั้นอุปฮาต ซึ่งเป็นชนชั้นหนึ่งในการปกครองสมัยโบราณเป็นผู้หญิงมีนามว่า ญาแม่นารี และเจ้านายที่ติดตามอพยพ คือ พ่อเมืองขวา พ่อเมืองซ้าย พาราษฎรอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในรัชกาลที่ 3

ต่อมามีการจัดระบบการปกครองเป็นอำเภอ จังหวัด บ้านแพงจึงได้ตั้งเป็นตำบล เมื่อ พ.ศ. 2410 โดยมีนายผุย รัตนเสนา เป็นกำนันคนแรก และกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้ง ตำบลแพง เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลแพง ในปีพ.ศ. 2540 และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา