สังคม

ตร.ไซเบอร์ ยันไม่จริง กรณีโทรคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี แจงเป็นแค่จุดเริ่มต้น

โดย chutikan_o

14 ก.พ. 2567

145 views

ตร.ไซเบอร์ ยันหลอกคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นให้มิจฉาชีพหลอกลวงต่อ พร้อมแนะแนวทางการป้องกัน

ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลพยานหลักฐานในคดีที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันก่อนหน้านี้ รวมไปถึงคำแถลงการณ์ของศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ภายใต้สมาคมธนาคารไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอยืนยันว่า แค่การรับโทรศัพท์ หรือการกดลิงก์เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้มิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีของของท่านได้

กล่าวในอีกทางคือ การรับโทรศัพท์ การกดลิงก์นั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นให้มิจฉาชีพสามารถหลอกลวงท่านได้ โดยต้องมีพฤติการณ์อื่นร่วมนั้นเอง

หลักๆ มิจฉาชีพมักจะใช้ 4 วิธีในการหลอกลวงเหยื่อ

1. พูดให้เหยื่อโอนเงินให้เอง

2. พยายามหลอกถามข้อมูลเหยื่อเพื่อนำข้อมูลไปใช้เข้าถึงบัญชีบน Application ของเหยื่อ

3. หลอกล่อให้เหยื่อติดตั้งโปรแกรมควบคุมมือถือเพื่อโอนเงินออกเอง

4. หลอกล่อให้เหยื่อเผลอกดรหัสนิรภัย หรือ ข้อมูลสำคัญสำหรับโอนเงิน

ดังนั้นสิ่งที่มิจฉาชีพจะกระทำกับท่านเมื่อรับสายโทรศัพท์ของมิจฉาชีพคือ

1. พยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง

2. พยายามสนทนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท่านไม่มีสมาธิจดจ่อกับข้อความที่ปรากฎขึ้นบนโทรศัพท์

3. เมื่อท่านเริ่มเคลิ้มตามไปกับมิจฉาชีพ มิจฉาชีพจะใช้จังหวะนี้ในการหลอกถามข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อใช้ในการเข้าถึงแอปบัญชีธนาคารของท่านอีกที

จากกรณีก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น “สายชาร์จดูดเงิน, ลิงก์ดูดเงิน, QR Code ดูดเงิน” และในกรณีล่าสุดบนหน้าข่าวในช่วงนี้คือ “รับสายเพื่อดูดเงิน” นั้น ทั้งหมดล้วนไม่เป็นความจริง มิจฉาชีพต้องดำเนินการอีกหลายขั้นตอนกว่าที่จะสามารถขโมยบัญชีของเหยื่อได้

แนวทางการป้องกัน มีดังนี้

1. ไม่ดาวน์โหลดติดตั้ง รวมถึงกดลิงก์ใดๆ โดยเฉพาะจากแหล่งที่ไม่รู้จักพร้อมให้ตรวจสอบลิงก์ก่อนกดทุกครั้ง

2. ไม่สแกนใบหน้ากับโปรแกรมจากแหล่งอื่นๆ นอกเหนือจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store (App Store สำหรับ IOS และ Play Store สำหรับ Android เป็นต้น)

3. เมื่อรู้ตัว หรือสงสัยว่ากำลังคุยกับมิจฉาชีพ ไม่แนะนำให้คุยต่อ เพราะอาจจะหลงเชื่อมิจฉาชีพ เนื่องจากมิจฉาชีพอาจจะมีข้อมูลจริงทำให้พูดคุยแล้วยิ่งหลงเชื่อ รวมไปถึงอาจเสี่ยงต่อการถูกนำเสียงไปใช้ปลอมเพื่อหลอกลวงผู้อื่นต่อ

4. หลีกเลี่ยงการใช้รหัสเดียวกันในการปลดล็อกอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะรหัสเข้าแอปพลิเคชัน Mobile Banking เพื่อป้องกันการเผลอกดรหัสโอนเงินโดยไม่ตั้งใจ

5. หากมีข้อสงสัยใดๆ ให้โทรสอบถามที่เบอร์ทางการของหน่วยงานนั้นโดยตรง หรือโทรปรึกษาสายด่วนศูนย์ AOC 1441

หากพี่น้องประชาชนท่านใดตกเป็นเหยื่อโจรออนไลน์ สามารถแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ (เฉพาะคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) ที่เว็บไซต์นี้เท่านั้น www.thaipoliceonline.go.th

คุณอาจสนใจ

Related News