สังคม

ผอ.สำนักพุทธขอนแก่น โดนดูดเงิน 1.19 ล้าน แจงตอนเกิดเหตุไม่ได้เปิดแอป จ่อฟ้องธนาคาร ไร้ความปลอดภัย

โดย nattachat_c

14 ก.พ. 2567

473 views

ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา ขอนแก่น ร้องสื่อหลังถูกมิจฉาชีพดูดเงินหายจากบัญชีกว่า 1.19 ล้านบาท เหลืออยู่ 0.87 สตางค์ หลังกดลิงก์สมัครบัตรสมาชิกของการบินไทย เผยเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่ได้ธรรมะจากหลวงพ่อทำให้สู้มาครึ่งเดือน ชี้ต้องขายทองหาเงินจ้างทนายฟ้องธนาคาร ซัดธนาคารที่ไม่มีความปลอดภัย ด้านตำรวจคาดมิจฉาชีพ ใช้จังหวะที่ผู้เสียหายเปิดกล้องวิดีโอคอล สแกนใบหน้าปลดล็อกแอปธนาคาร เพื่อเพิ่มวงเงิน ประกอบกับการกดลิงก์ จึงครบสูตรกระบวนการดูดเงิน ก่อนแนะอย่ารีบกดลิงก์ที่ไม่ปลอดภัย


วานนี้ (13 ก.พ. 67) เวลา 13.00 น. ว่าที่ร้อยตรี จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยเรื่องราว ที่ถูกมิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชี ว่า


ในวันที่ 2 ก.พ. 67 ตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบินไป กทม.ในวันที่ 5 - 6 ก.พ. จึงได้ตั๋วเครื่องบินในกูเกิล จากนั้นเห็นลิงก์ของสายการบินไทย จึงได้สอบถามราคาตั๋ว แต่ก็ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋ว เพราะจองสายการบินอื่นได้ก่อนเพราะราคาถูกกว่า


ต่อมา ได้มีไลน์สายการบินไทยทักมาว่า สนใจสมัครสมาชิกไว้หรือไม่ ตนเองเห็นว่าสายการบินไทย เป็นของคนไทย สมัครสมาชิกไว้ก็ไม่เสียหลาย ถือเป็นการช่วยสายการบินของประเทศไทยไปในตัว จึงตัดสินใจสมัครโดยการส่งชื่อภาษาอังกฤษกับเบอร์โทรศัพท์ประจำตำแหน่งให้ ซึ่งไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวที่ผูกกับแอปธนาคารกรุงไทย เพราะกลัวมิจฉาชีพ


จากนั้น ช่วงบ่ายได้มีไลน์ของการบินไทยที่ใช้ติดต่อกันนั้น วิดีโอคอลเข้ามาตนเองจึงรับสาย แต่ต้นทางไม่เปิดหน้า จากนั้นให้ตนเองยืนยันการสมัคร มีทั้งการสแกนใบหน้า ด้วยความที่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของสายการบิน จึงต้องมีการสแกนใบหน้า และตั้งรหัส ก่อนมิจฉาชีพจะวางสายไป


จากนั้น วันเดียวกันในช่วงค่ำ ตนเองจึงเปิดแอปธนาคารกรุงไทย เพื่อเช็กเงินในบัญชี แต่พอดูยอดเงินกลับเหลือเพียง 0.87 สตางค์ เกิดอาการช็อกว่า เงินหายไปได้อย่างไร


วันเดียวกัน ในเวลา 5 ทุ่ม จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ และโทรเข้าธนาคาร ตอนเช้าก็ไปแจ้งธนาคาร แต่ทำอะไรไม่ได้ ทางตำรวจอายัดได้ 2 บัญชี ที่เงินถูกโอนไป คือ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ กับกรุงศรี แต่มีเงินเหลือแค่ 300 บาทเศษ ในบัญชีที่ถูกอายัด


จากนั้น ตนเองจึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ที่ส่วนกลาง ก่อนจะทำเรื่องยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคกับธนาคารเจ้าของบัญชีทาง E-filing


ทาง ผอ.สำนักพุทธขอนแก่น ยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากความประมาทของตนเอง เพราะไม่ได้มีการเปิดแอปธนาคารกรุงไทยเลย ในขณะทำรายการกับลิงก์ที่อ้างว่าเป็นของการบินไทย แต่เป็นการทักไปในไลน์ และส่งเฉพาะเบอร์มือถือที่ไม่ได้ผูกกับธนาคาร และตั้งค่าการโอนเงินไว้ไม่เกิน 500,000 บาท แต่เคสนี้โอนออกเป็นล้าน และการโอนเงินเกิน 50,000 ต้องสแกนใบหน้า


ซึ่งที่ว่ามา ก็เป็นเพียงการให้ธนาคารผู้รับฝาก ชดใช้เงินอันเกิดจากระบบความปลอดภัยทางธนาคารไม่เพียงพอ แต่ท้ายสุดในส่วนของคดีอาญา ก็ตามเอาเงินคืนกับมิจฉาชีพชีพไม่ได้อยู่ดี เพราะหาตัวตนไม่เจอ


และในวันเดียวกันกับที่ ผอ.ท่านถูกดูดเงินนั้น มีคนไปธนาคารพร้อมท่านอีก 2 ท่าน โดยคนนึงถูกดูดไปถึง 4 ล้านบาท  ทาง ผอ.จึงดำเนินคดีจ้างทนายฟ้องธนาคาร โดยนำทองไปขายเพื่อนำเป็นค่าใช้จ่าย และฟ้องคดี


ทาง ผอ.สำนักพุทธขอนแก่น บอกอีกว่า ในวันแรก ยอมรับว่าคิดฆ่าตัวตาย จึงได้โทรไปลาพระผู้ใหญ่ที่ตนรู้จัก จากนั้น "พระท่านสอนว่า คนเราเกิดมาตัวเปล่า กลับไปก็ตัวเปล่า ฉะนั้น อย่าให้การสูญเสียครั้งนี้ มาทำลายชีวิตเราที่เหลืออยู่" ทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะไม่ทำร้ายชีวิตของตัวเอง

---------------

ดีอี เผย “ข่าวแก๊งคอลเซ็นเตอร์คุย 2 นาที ดูดเงินเกลี้ยงบัญชีทันที” ไม่เป็นความจริง


นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวกลลวงใหม่ “คุย 2 นาที ตอบแค่ ใช่ ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี ! โดยไม่ต้องกดลิงค์ หรือโหลดแอพใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่รับสายมิจฉาชีพพูดคุยประมาณ 2 นาทีเท่านั้น เงินก็จะถูกดูดหมดบัญชี” เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง


อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และความเป็นไปได้ในทางเทคนิค ซึ่งยังไม่พบรูปแบบหรือวิธิการในการหลอกลวงดูดเงินจากบัญชีเพียงแค่การพูดคุยทางโทรศัพท์ หากไม่มีการติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่ปลายทาง ทั้งนี้อาจจะมีขั้นตอนก่อนหน้านี้ เช่น มีการ กด link หรือสมัครแอปพลิเคชั้นก่อนมากหน้านี้ และมีการโทรสอบถามรหัสผ่าน หรือหลอกบันทึกเสียงพูดเพื่อใช้ในยืนยันตัวตนเข้าระบบธนาคารด้วยเสียง


กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ประชาชนอย่าตื่นตระหนักในเรื่องดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามการป้องกันมิจฉาชีพหลอกติดตั้งแอปพลิเคชันและดูด ภัยทางด้านการเงินที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น อย่างต่อเนื่องป้องกันแอปดูดเงิน ดังนี้


1. ไม่ดาวน์โหลดโปรแกรมจากแหล่งอื่น นอกจากแหล่งที่ได้รับการควบคุมและรับรองความปลอดภัยจากผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการที่เป็น Official Store อาทิ Play Store หรือ App Store เท่านั้น


2. ไม่ตั้ง password ซ้ำ หรือ ใช้ร่วมกับ Mobile Banking


3. ไม่ทำการสแกนใบหน้า หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก


4. ไม่กดลิงก์จาก SMS แปลกปลอม โดยธนาคารไม่มีนโยบายส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ทุกชนิด หรือมีข้อความให้แอด Line ID หากได้รับ SMS ดังกล่าว อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด


5. ควรสังเกตโล่ ที่อยู่ด้านหน้า Line account เสมอ ซึ่งควรมีโล่สีเขียว หรือน้ำเงินเข้ม เท่านั้น


6. หากต้องการทำธุรกรรมใด ๆ ควรโทรฯ กลับไปที่หน่วยงานที่ถูกแอบอ้างด้วยตนเอง


7. ไม่ควรให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลข 13 หลัก ผ่านทางโทรศัพท์


8. โทรแจ้ง 1441 สามารถโทร.แจ้งระงับอายัดบัญชีคนร้าย


#รองปลัดเวทางค์ #กระทรวงดิจิทัล #DE #กระทรวงดีอี #DEเตือนภัยออนไลน์ #ระวังแอปดูดเงิน #แอปดูดเงิน #มิจฉาชีพ

------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/leUCQC3WxNw

คุณอาจสนใจ

Related News