สังคม

กลุ่มปกป้อง ‘อาจารย์เด็กคนดัง’ ยื่นหลักฐานให้ตร. เผย ถูกผู้ไม่หวังดีบิดเบือน ใส่ร้ายโจมตี

โดย JitrarutP

15 ธ.ค. 2566

144 views

“ทนายธรรมราช” พร้อมด้วย กลุ่มปกป้อง “อาจารย์เด็กคนดัง” เข้ายื่นหลักฐานให้ตำรวจ เผย ถูกผู้ไม่หวังดีตัดต่อภาพบิดเบือนใส่ร้ายโจมตี

จากกรณีมีผู้เผยแพร่คลิปภาพและข้อความในโลกโซเชียลวิจารณ์สนั่น  “อาจารย์เด็กคนดัง” เด็กชายวัย 8 ขวบ สามารถเชื่อมจิตได้ สามารถหยั่งรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งในอดีต และอนาคต แค่เห็นแววตาคนก็จะรู้ได้ว่าใครมีกรรม หรือเคยเป็นนางฟ้ากลับชาติมาเกิดบ้าง และมีกาเทน้ำรดหัวลูกศิษย์ พร้อมเปิดที่มา ทำไมคนถึงศรัทธา โดยมีลูกศิษย์หลายพันคน และมีการตั้งกลุ่มในโอเพนแชต ด้วย

วันนี้ (15 ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีกลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มปกป้องอาจารย์เด็กคนดัง” นำโดยนาย ธรรมราช สาระปัญญา หรือ "ทนายธรรมราช" ได้เข้ามายื่นหลักฐานข้อเท็จจริงถึงนายกรัฐมนตรีพร้อมทั้งแกนนำรัฐบาล ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ได้ทราบถึงความเป็นจริงที่ “อาจารย์เด็กคนดัง” ได้สอนธรรมะ แต่กลับถูกผู้ไม่หวังดีตัดต่อภาพบิดเบือนใส่ร้ายโจมตี จนเป็นกระแสข่าวทำให้เสียหาย ต่อการทำหน้าที่ของ “อาจารย์เด็กคนดัง”

และพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังกล่าวหา “อาจารย์เด็กคนดัง” ว่าไม่ชอบคนอีสาน ซึ่งอาจทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นในสังคม และทำให้เกิดความเกลียดชังกับ “อาจารย์เด็กคนดัง” ในหมู่พี่น้องชาวอีสาน ซึ่งเป็นความเท็จ



อีกทั้งยังกล่าวหา “อาจารย์เด็กคนดัง” ว่าตั้งตนเป็นเสมอเหมือนพระพุทธเจ้า นำภาพถ่ายไปตัดต่อให้สังคมเข้าใจผิด ข่มขู่ต่าง ๆ นานา ด้วยวิธีการที่ป่าเถื่อน คุกคามด้วยถ้อยคำอันรุนแรง ทั้งๆ ที่ “อาจารย์เด็กคนดัง” เป็นเยาวชนซึ่งมีอายุเพียง 8 ขวบ  



ทนายธรรมราช อ้างว่า “อาจารย์เด็กคนดัง” ถูกบิดเบือนใส่ร้าย ตัดต่อภาพทำให้ได้รับความเสียหาย พร้อมแนบหนังสือร้องเรียนและภาพตัดต่อโจมตี “อาจารย์เด็กคนดัง” ลักษณะคล้ายพระพุทธเจ้า รวมทั้งข้อความลักษณะเหมือนเป็นการการคุกคาม “อาจารย์เด็กคนดัง”  ทั้งเรื่องครอบครัวและการสื่อสารให้กับตำรวจด้วย

ทนายธรรมราช บอกว่า ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งนำของ “อาจารย์เด็กคนดัง” ไปร้องเรียนกับ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯโดยขณะนั้นได้รับการตอบกลับว่า ไม่ใช่ขอบเขตสำนักพระพุทธศาสนา เป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินการสอบสวนในวันนี้จึงเข้ามายื่นหนังสือให้ตำรวจถึงที่

ทนายธรรมราช บอกว่า ช่วง2-3วันที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลพยายามเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนข้อเท็จจริง เรื่องของคำสอน “อาจารย์เด็กคนดัง” ลงในโซเชียล และหยิบข้อมูลขึ้นมาโจมตี ทั้งเรื่องเกี่ยวกับคำสอนและการหลอกลวงเงิน ส่วนตัวมองว่าคำสอนของ“อาจารย์เด็กคนดัง” เป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องของการเรียกเก็บเงิน เป็นส่วนของผู้จัด ที่ทำหน้าที่ดำเนินการ เพราะมีค่าใช้จ่าย เรื่องสถานที่ ค่าอาหาร ที่พัก  ตัว “อาจารย์เด็กคนดัง”  เป็นเพียงวิทยากร ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง ส่วนที่เห็นภาพ “อาจารย์เด็กคนดัง” รับเงิน ยอมรับว่าเป็นการรับเงินจริง แต่ภายหลังก็ส่งต่อไปสมทบในการสร้างสถานปฏิบัติธรรม



ขณะที่ข้อสงสัยเรื่องของบัญชีเปิดรับบริจาค ที่เป็นบัญชีส่วนตัวของนายแพทย์ท่านหนึ่ง อธิบายว่าจุดประสงค์นายแพทย์คนนี้ตั้งใจจะรวบรวมเงิน สร้างสถานปฏิบัติธรรม ซึ่งขณะนี้มีการยื่นเรื่องเปิดมูลนิธิแล้วแต่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ยืนยันว่าเงินส่วนนี้สามารถตรวจสอบเส้นเงินได้ว่า เมื่อสอบถามว่ามีเงินหมุนเวียนมากน้อยแค่ไหนทางทนายบอกว่ามีในบัญชีหลายแสนบาท และตอนนี้ก็ยังอยู่ครบ

สำหรับข้อสงสัยเรื่องวิธีการเชื่อมจิตของ “อาจารย์เด็กคนดัง” ที่คนสงสัยคืออะไร ทนายธรรมราชบอกว่าเป็นวิธีการช่วยของคนที่มีวิปัสสนากรรมฐานสมาธิแล้วมีปัญหาติดขัด “อาจารย์เด็กคนดัง” จะเชื่อมจิตไปช่วย ส่วนประเด็นที่ในโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ “อาจารย์เด็กคนดัง” ถอดจิตคุยกับ ปูติน ยืนยันว่า “อาจารย์เด็กคนดัง” มีเจตนาที่จะไปเผยแพร่และพุทธศาสนาในยุโรปและรัสเซีย ซึ่งเป็นแผนอนาคต ว่าหากมีโอกาสจะเข้าไปพูดคุยกับปูติน ซึ่งเป็นเรื่องอนาคต แต่คนเอาไปบิดเบือนให้เกิดความเข้าใจผิด



ส่วนที่มีคนแสดงความคิดเห็นว่าทำไม “อาจารย์เด็กคนดัง” ไม่บวชเณร หรือกลัวว่าจะควบคุมเด็กไม่ได้ในส่วนนี้ทนาย บอกว่า ธรรมะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนหากมีความสามารถในการสอน ใครก็สามารถสอนได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการแต่งกายการแต่งกายหรือการบวช

ส่วนที่กรณีเมื่อวานนี้มีอดีตคนศรัทธา “อาจารย์เด็กคนดัง” ออกมาแฉว่า เข้าไปในกลุ่มโอเพ่นแชทของ “อาจารย์เด็กคนดัง” เพราะศรัทธามากว่าสามปี แต่ปรากฏว่าพอมีคำถามและข้อสงสัย ในการสอนและการเรียกเก็บเงินกลับถูกดีดออกจากแชท ในส่วนนี้ทนายความบอกว่าจากการตรวจสอบหญิงคนนี้เพิ่งเข้ามาในแชทวันที่ 8 ธันวาคม หลังจากนั้นก็มีพฤติกรรมลักษณะเหมือนเป็นการล่อซื้อ เอาข้อมูลบิดเบือนไปเป็นหลักฐาน เช่น มีการส่งสลิปเงิน ทั้งที่เป็นกลุ่มสอบถามข้อธรรมะ ทำให้แอดมินจำเป็นต้องดีดออกไป



ทั้งนี้ ในระหว่างที่ มีการแถลงข่าว นายนิยม นพรัตน์ ในฐานะตัวแทนประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุน “อาจารย์เด็กคนดัง” ได้เข้ามากลางวงพยายามสอบถามเกี่ยวกับการเรียกรับเงินเรียกรับเงินค่าเข้าฟังธรรมะจริงหรือไม่ และ ข้อสงสัยเรื่องคำสอนของ “อาจารย์เด็กคนดัง” ที่อ้างว่านั่งสมาธิแล้วกรรมตามไม่ทัน เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าตรงไหน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการโต้เถียงกัน  ก่อนที่ทั้งกลุ่มคนสนับสนุน “อาจารย์เด็กคนดัง” จะออกมาบอกว่าหากมีข้อสงสัย ว่าการเรียกรับเงินหรือคำสอนไม่ถูกต้องก็ให้ไปดำเนินคดีตามกฎหมายเอา เพื่อให้ศาลพิสูจน์ความจริง ก่อนที่ทั้งสองฝั่งจะยุตติการโต้เถียง



ต่อมา นายนิยม นพรัตน์ เค และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ได้ยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.พร้อมนำหลักฐานมามอบให้ เพื่อให้ตรวจสอบว่าการกระทำกลุ่มจัดกิจกรรม “อาจารย์เด็กคนดัง” เข้าข่ายแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบต่อเด็กหรือไม่ เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลแอบอ้างหลอกลวงว่ามีเด็กอายุเพียง 8 ขวบ มีอภิญญา สามารถเชื่อมจิตจากการใช้เท้าสัมผัสและเก็บเงินคำร่วมงาน ค่าทำบุญต่าง ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์กับเด็กเยาวชนโดยมิชอบและเป็นการใช้เด็กเป็นเครื่องมือหลอกลวงประชาชนจำนวนมาก อาจเข้าข่ายผิด พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546, มีการนำหลักการของพระพุทธศาสนามาหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็น โดยการที่บุคคล และคณะ บุคคลดังกล่าว อ้างว่าเป็นตัวแทนพระศาสนา และพระศาสนา



จึงขอให้ ผบ.ตร. สืบเสาะข้อเท็จ เพื่อช่วยปกป้องพระพุทธศาสนา จากกลุ่มบุคคลที่อ้างศาสนาหาประโยชน์ทั้งการระดมทุน เรี่ยไร ผิดกฎหมาย โดยอ้างความเป็นเยาวชน และอ้างพระพุทธศาสนา และให้สั่งการ ส่งนิติกรชำนาญการ โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงสหวิซาชีพใน การสอบปากคำเยาวชน เข้าไปตรวจกลุ่มบุคคลดังกล่าว ทั้งตัวเด็ก ทั้งผู้ปกครอง ทั้งคณะผู้จัดงาน เพื่อตรวจเส้นทางทางการเงินตามกฎหมาย รวมไปถึงดำเนินคดีกับผู้ปกครอง ในการปล่อยปละละเลยให้เยาวชนกระทำ พฤติกรรมบิดเบือนลบหลู่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป



ทั้งนี้ ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังให้สัมภาษณ์ ทางทนายของกลุ่มสนับสนุนและศรัทธา “อาจารย์เด็กคนดัง” ได้เข้ามาตั้งคำถามว่านายแทนคุณ นับถือศาสนาอะไร และเป็นชาวพุทธแท้หรือไม่ ก่อนที่นายแทนคุณจะตอบว่า พุทธแท้ จากนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันเรื่องข้อกฎหมายคุ้มครองเด็กทำให้ฝ่ายสนับสนุนเข้ามาอีกครั้ง โดยย้ำว่าหากมีข้อมูลไม่ถูกต้องให้ไปฟ้องศาลดำเนินคดีได้ ซึ่งระหว่างนั้นสื่อมวลชนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปห้ามปรามและให้แยกย้ายกันไปเหตุการณ์จึงสงบ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  อาจารย์เด็กคนดัง ,เชื่อมจิต

คุณอาจสนใจ