สังคม

เมียเก่าโต้ฮุบกิจการ ชี้มีสิทธิ์บริหารโดยชอบ ขณะอดีตคู่ค้ายันเมียใหม่เป็นเจ้าของตัวจริง

โดย chutikan_o

14 พ.ย. 2566

9.1K views

อดีตภรรยา เจ้าของใหม่ร้านสกายวิว คาเฟ่ เผยมีสิทธิ์บริหารร้านชอบด้วยกฎหมาย เพราะน้องชายอดีตสามีก็ร่วมลงทุนทำด้วยและแม่อดีตสามีก็อยากให้ทำร้านต่อ ขณะอดีตคู่ค้ายันเมียใหม่เป็นเจ้าของตัวจริง

คุณเก๋ อดีตภรรยาคุณเอส เจ้าของคาเฟ่คนใหม่ พร้อมด้วยคุณแม่ และคุณท็อป น้องชายคุณเอส ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ถึงการมีอำนาจและสิทธิ์ในการบริหารจัดการร้านสกายวิวคาเฟ่

คุณเก๋ กล่าวว่า หลังจากคุณเอสเสียชีวิต แม่ของอดีตสามี ให้คุณท็อป น้องชายของคุณเอส ขึ้นมาทำร้านกาแฟต่อ แต่ทำได้ 2 วันทางคุณมุก ภรรยาใหม่คุณเอส ก็พาคนมาขนของออกจากร้านไปจนหมด และทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายทางฝั่งของคุณท็อปด้วย

หลังจากนั้นแม่ของคุณเอส จึงติดต่อหาเธอว่าอยากให้ช่วยขึ้นมาบริหารร้านและแบ่งรายได้กันคนละครึ่ง ซึ่งตอนนั้นเธอและคุณมุก ไม่ได้พูดคุยหรือติดต่อตกลงอะไรกัน เพราะก่อนหน้านี้ ตั้งแต่คุณเอสเสียชีวิต เธอและน้องน้ำแข็ง ลูกสาวคุณเอส ก็ไปยื่นคุ้มครองสิทธิ์ที่อัยการ ซึ่งมีการออกหนังสือเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมรดกของคุณเอส ซึ่งรวมถึงคุณมุกมารับทราบหรือมาโต้แย้งสิทธิ์กันด้วย ซึ่งวันนั้นคุณมุกไม่มา จนกระทั่งศาลมีคำสั่งให้น้องน้ำแข็ง เป็นผู้จัดการมรดก

คุณมุกจะอ้างสิทธิ์การบริหารจัดการร้านด้วยหนังสือคำสั่งที่ทาง อบต.ส่งไปให้นั้น ทางฝั่งของเธอก็ได้รับเหมือนกันและยังตกใจเลยว่า ที่ผ่านมาเปิดร้านให้บริการมากว่า 5 ปี ได้อย่างไร ซึ่งคิดว่ามีการขออนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้อง เพราะสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ที่เกิดขึ้นเกิดจากคุณเอสและคุณมุกเป็นคนก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งเธอเพียงเข้ามาต่อเติมซ่อมแซมในส่วนที่สึกหรอเท่านั้น และหากทาง อบต.ต้องการให้ปรับปรุงเรื่องโครงสร้างก็พร้อมที่จะแก้ไข เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ส่วนที่กล่าวหาว่าเธอไปข่มขู่ทำร้าย และขับรถชนรถคุณมุกนั้นไม่เป็นความจริง เหตุการณ์รถชนเป็นแค่การถอยรถออกจากบ้านและเฉี่ยวกันเท่านั้น รอยบุบรอยยุบก็ไม่มี และหากข่มขู่คุณมุกจริง คุณมุกไปแจ้งความที่โรงพัก เชื่อว่าตำรวจก็ให้ความปลอดภัยกับทางคุณมุกได้

คุณเก๋ กล่าวอีกว่า ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะพูดคุยและเจรจากับคุณมุก ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยกัน แต่ทางคุณมุกไม่ติดต่อกลับมาเลย ซึ่งเธอก็มองว่า ร้านดังกล่าวก็เป็นของคุณเอส และลูกที่เกิดจากคุณเอส ก็มีสิทธิ์ตรงนี้ด้วย จึงอยากให้เข้ามาพูดคุยกันว่า คุณมุกลงทุนทำอะไรไปเท่าไหร่อย่างไรบ้าง ให้มาเคลียร์และตกลงกัน

ด้านแม่ของคุณเอส กล่าวว่า ตั้งแต่ลูกชายเสียชีวิต ทางคุณมุกก็ขนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ไปจนหมดบ้าน รวมถึงที่ร้านกาแฟด้วย โดยไม่มีการพูดหรืออธิบายอะไรสักคำ อ้างเพียงแต่ว่าทรัพย์สินต่างๆ เป็นของตัวเอง นอกจากนี้ ทางฝั่งพี่สาวและแม่ของคุณมุกยังมีมาชี้หน้าด่าเธอด้วย ส่วนที่ดินแปลงดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นที่ดินมรดกและเธอไม่เคยบอกขายต่อให้กับคุณหมอสุชาติหรือขายให้กับใคร ซึ่งเธอก็อยากฝากถามไปถึงคุณมุกว่า ที่ผ่านมาเธอรักและเอ็นดู ทำดีด้วยมาตลอดแต่พอเอสเสียชีวิตไป กลับมาทำกับแม่ถึงขนาดนี้

ส่วนคุณท็อปกล่าวว่า กรณีที่คุณมุกบอกว่าเป็นคนลงทุนทำร้านและพวกเขาจะเข้ามายึดกิจการ ทำให้กระแสสังคมตอนนี้ที่โจมตีมาทางฝั่งของเขาอย่างหนัก อยากบอกว่าเขาและพี่ชายก็ได้ร่วมลงทุนทำร้านนี้มาด้วยกันตั้งแต่แรกเหมือนกัน กระแสสังคมที่เกิดขึ้นเข้าใจว่ามีทั้งคนที่รู้และคนที่ไม่รู้ ซึ่งอยากให้ฟังความทั้งสองฝ่าย และก็ไม่กังวลที่ถูกกระแสสังคมโจมตี เพราะวันนี้ได้ออกมาพูดความจริงทั้งหมด แต่อยากฝากถึงคุณมุกว่าปัญหาเรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก ขอแค่ให้มาพูดคุยและตกลงกัน จบแบบง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยากแบบนี้

ด้านคุณเจี๊ยบ ซึ่งเป็นอดีตคู่ค้าที่ทำน้ำดื่มส่งให้กับร้านสกายวิวคาเฟ่ @จันทบุรี กล่าวว่า ทั้งคุณเอสและคุณมุกเป็นเจ้าของคาเฟ่ตัวจริง เพราะเธอเป็นคู่ค้าของร้านคาเฟ่ดังกล่าว โดยผลิตน้ำดื่ม ทำแบรนด์และโลโก้สกายวิวให้ ต่อมา ปลายปี 2565 ทราบว่า ทางคุณเอสเสียชีวิตกะทันหัน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ทราบว่าคุณมุกมีปัญหาเรื่องร้านและมีเรื่องกับอดีตภรรยาคุณเอส

จนกระทั่ง มาเห็นอีกทีว่าร้านสกายวิวเปิดแต่เป็นผู้บริหารชุดใหม่ ตอนนั้นตัวเองก็เริ่มแปลกใจแล้วว่า คุณมุกและที่ร้านน่าจะมีปัญหา หลังจากเห็นว่าร้านกลับมาเปิดใหม่อีกรอบ จึงติดต่อไปยังผู้บริหารชุดใหม่เสนอขายน้ำดื่มแต่ได้รับการปฏิเสธและมาทราบภายหลังว่า ทีมที่เข้ามาบริหารร้านชุดใหม่ เป็นอดีตภรรยาและลูกๆ ของคุณเอส

เธอในฐานะที่เคยเป็นอดีตคู่ค้ากับทางร้านสกายวิวมองว่าสิทธิ์การบริหารและครอบครองร้านก็ควรจะเป็นของคุณมุก ที่เริ่มต้นบุกเบิกทำร้านนี้มาด้วยกันกับคุณเอส และเท่าที่ทราบที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของคุณเอส และช่วงที่คุณเอสและคุณมุกทำร้านด้วยกันก็มีการยื่นขอก่อสร้างอย่างถูกต้อง

ด้านเจ้าอาวาสวัดเกาะเปริด กล่าวว่า บริเวณคาเฟ่ดังกล่าว เป็นที่ดินจับจองที่มีเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1 หรือ หนังสือแจ้งการครอบครองที่ดินเท่านั้น ซึ่งเจ้าของก็คือรุ่นพ่อแม่ของคุณเอส ต่อมาขายต่อให้คุณหมอสุชาติ ชัยเมืองลาภ จากนั้นทางวัดและชาวบ้านช่วยกันมาบุกเบิกถางป่าเพื่อที่จะทำเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินชื่อ ซันชายน์ ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก หลังจากนั้นทางคุณเอสและคุณมุก มาจาก จ.นครศรีธรรมราช กลับมาขอเช่าที่แปลงดังกล่าวจากคุณหมอสุชาติ ปีละ 3,000 บาท เพื่อทำร้านกาแฟถึงปัจจุบัน จนโด่งดังเป็นแลนด์มาร์คของ อ.แหลมสิงห์

ขณะที่นายมงคล โชคดีวัฒนา กำนันตำบลเกาะเปริด กล่าวว่า เรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวทั้งสองครอบครัวนี้ ไม่รู้ว่ามีผลประโยชน์เบื้องลึกเป็นอย่างไร แต่เริ่มต้นที่ดินแปลงนี้มีทั้งหมด 10 ไร่ ตั้งแต่เนินทางขึ้นไปจรดหน้าผา แบ่งเป็นที่มีเอกสารสิทธิ์ ส.ค. 1 จำนวน 5 ไร่ คือ บริเวณที่ตั้งร้านสกายวิว และอีก 5 ไร่ตรงทางขึ้นไม่มีเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเขาเป็นคนขอกับทางแม่คุณเอส เจ้าของที่ดินว่า ต้องสละพื้นที่บางส่วนเพื่อเป็นทางเดินสาธารณะ จึงยอมเซ็นและรังวัดแบ่งเขตให้ หลังจากนั้นแม่ของคุณเอสก็ขายที่ดินให้กับคุณหมอสุชาติ ต่อมาปี 2561 คุณเอสและคุณมุก กลับมาขอเช่าที่ดินจากคุณหมอสุชาติและเป็นคนเข้ามาบุกเบิกและลงทุนสร้างคาเฟ่ จำได้ว่ามีการยื่นแบบขอก่อสร้างไปที่ อบต. แต่ทาง อบต.เห็นว่า บริเวณดังกล่าวเป็นหน้าผา กังวลเรื่องโครงสร้างและความอันตราย ซึ่งการจะก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ต้องมีระยะห่างจากริมหน้าผา 12-15 เมตร ทาง อบต.จึงไม่อนุญาติ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีการปรับแบบแปลนหรือไม่อย่างไร ร้านกาแฟสกายวิวจึงดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการมาถึงปัจจุบัน

คุณอาจสนใจ

Related News