ปปป.บุกตรวจ รร.เอกชนเมืองหาดใหญ่ หลังผู้ปกครองร้อง เข้าข่ายทุจริตเงินอุดหนุน-งบอาหารกลางวัน

วันที่ 9 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ปปป.) และตำรวจกองปราบ กองกำกับการ 6 กองบังคับกรปราปราม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วน นำหมายค้นของศาลจังหวัดสงขลา เข้าตรวจสอบที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนเปิดสอนระดับชั้นประถมและมัธยมฯ

หลังมีผู้ปกครองบางส่วนและผู้ประสงค์ดี ได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ปปป.) เพื่อให้ตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริต และการบริหารงานของโรงเรียนที่ไม่โปร่งใส

โดยการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ทางผู้อำนวยการของโรงเรียนคือ นายพิพพัฒน์ ซึ่งติดภารกิจ แต่มีทางรองผู้อำนวยการ รวมทั้งคณะครู และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รอพบ และให้ทาง ปปป. ตรวจค้น และตรวจสอบตามข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.ประสงค์เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า จากข้อข้อมูลที่ได้รับพบว่า โรงเรียนเอกชนแห่งนี้ได้รับเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐ และมีการบริหารที่ไม่โปร่งใส และมีการทุจริตเบียดบังเงินในส่วนนี้ไป โดยที่เห็นได้ชัดคือเงินอุดหนุนในส่วนของอุปกรณ์การเรียนที่ทั้งผู้ปกครองและเด็กนักเรียนยืนยันตรงกันว่า ไม่เคยได้รับ แต่ทางโรงเรียนยังคงได้รับเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐตามปกติ

นอกจากนี้ยังมีความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการจัดสรรเงินอุดหนุนมาทำอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน ซึ่งเป็นที่เห็นพ้องต้องกันว่า ไม่สมเหตุสมผลกับเงินที่ได้รับ และเป็นที่โจษจันกันในหมู่ของผู้ปกครอง โดยทั้ง 2 เรื่องนี้ เบื้องต้นทาง ปปป. และ กองปราบ ได้ร่วมกันตรวจสอบข้อมูล และรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆในเบื้องต้นแล้ว หลังจากนี้หากพบว่า มีการกระทำผิดตามที่ได้รับการร้องเรียน และมีเอกสารหลักฐานปรากฏชัดจริง ก็จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ในส่วนของการเบียดบังเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐไปใช้เองนั้น จะเป็นความผิดในฐานยักยอกทรัพย์ต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.6 บก.ปปป. ยังเผยด้วยว่า จากการสอบถามผู้ปกครองหลายรายพบว่า มีการทำเอกสารเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินเป็นเท็จ โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐที่ผู้ปกครองจะได้รับคนละ 650 บาท ต่อเทอม นั้น ไม่เคยได้รับ และต้องออกเองทั้งหมด โดยเงินส่วนนี้หากได้รับจะนำไปซื้อเครื่องแบบนักเรียนให้กับบุตรหลาน ซึ่งผู้ปกครองเองส่วนใหญ่ก็เป็นผู้มีรายได้ไม่มากมายนัก ซึ่งการทุจริตดังกล่าวยิ่งเป็นการซ้ำเติมหนักขึ้นไปอีก

โดยภาพรวมนั้นพบว่า การทุจริตและการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสสร้างความเสียหายราวภาคการศึกษาละมากกว่า 1 ล้านบาท และเท่าที่พบมูลค่าความเสียหายน่าจะมีราว 10 ล้านบาท เนื่องจากทางผู้ปกครองร้องเรียนมาว่า ส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่หลายปี แต่กลับไม่เคยได้รับเงินอุดหนุนจากทางภาครัฐในส่วนนี้เลย ซึ่งคาดว่า น่าจะมีการทุจริต และบริหารงานที่ไม่โปร่งใส่มานานต่อเนื่องนับสิบปีแล้ว

หลังจากนี้ทาง ปปป. และกองปราบปราม จะประสานให้ทางผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งในวันนี้ไม่อยู่ที่โรงเรียน รวมทั้งคณะผู้บริหาร เข้าให้ข้อมูลในรยละเอียด รวมทั้งเอกสารหลักฐาน โดยเฉพาะเกี่ยวกับการรับและเบิกจ่ายเงินอุดหนุนว่าเป็นเท็จ หรือมีการยักยอกเงินส่วนไหนไปใช่หรือไม่ และจะมีการรายงานความคืบหน้า รวมทั้งแถลงต่อสาธารณชนให้ได้รับทราบอีกครั้งหลังจากนี้