สังคม

หญิงร้องสื่อ ถูกจนท.เก็บเงินค่าจอดรถเทศบาล รุมทำร้ายบาดเจ็บ

โดย chiwatthanai_t

29 พ.ค. 2566

80 views

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพบาดแผลหญิงสาวถูกทำร้ายร่างกายบริเวณต้นคอและข้อศอก โดยระบุข้อความว่า "ช่วยด้วยค่ะ แม่เราโดน พนักเก็บเงินจอดรถเทศบาลปากเกร็ดรุมทำร้ายร่างกายค่ะ แม่ได้เข้าไปใช้บริการจอดรถที่ท่าน้ำปากเกร็ด พนักงานที่ทำร้ายแม่เรียกพวกมารุมทำร้าย เขาไม่ชอบขี้หน้าแม่เรา จึงมีปากเสียงและเดินเข้ามาด่าและยึดโทรศัพท์แม่เราไปแบบไม่ทันตั้งตัวเลย จากนั้นก็เริ่มตบตี



เหตุเกิดประมาณ 09.45 น. วันที่ 27 พ.ค.66 ที่ผ่านมา ใครมีคลิปหลักฐานช่วยรบกวนส่งมาในแชททีนะคะ แม่เราคนเดียวแต่โดนพวกนี้รุมทำร้าย 4-5 คน มีผู้ชายรุมด้วยโมโหมากค่ะ คนพวกนี้ไม่ควรมีที่ยืนในสังคม หรือมีหน้าตามีหน้าที่การงานอะไรทั้งนั้น จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เบื้องต้นตอนนี้มีหลักฐานจากกล้อง cctv ปากเกร็ด เพียงบางส่วน รบกวนพี่ๆชาวปากเกร็ดช่วยหนูหน่อยนะคะ ต้องการทวงความยุติธรรมให้แม่ค่ะ หัวอกคนเป็นลูก มันเจ็บแค้นใจมากๆค่ะ เราต้องการให้คนพวกนี้ได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ"



ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 29 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณ ลานจอดรถใต้สะพานพระราม 4 ท่าน้ำปากเกร็ด ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนางชญาภา ผู้เสียหาย อายุ 48 ปี อดีตพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถเทศบาลนครปากเกร็ด และนายวุฒิพงษ์ สามี พร้อมด้วย น.ส.ธิดารัตน์ อายุ 22 ปี ลูกสาวผู้โพสต์เฟซบุ๊ก หลังแม่ถูก 2 ผัวเมียพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถเทศบาลนครปากเกร็ด ขี่จยย.ลงจอดชี้หน้าด่าหยาบคาย ก่อนโทรเรียกพี่สาวมารุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ โทรศัพท์มือถือเสียหาย แจ้งความไว้ที่สภ.ปากเกร็ด

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์บริเวณลานจอดรถยนต์ใต้สะพานพระราม4 ท่าน้ำปากเกร็ด วันที่ 27 พ.ค.66 เวลา 09.45 น. บันทึกภาพเหตุการณ์ระยะไกลเห็นพฤติกรรมบางส่วนของกลุ่มผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณหน้าตู้เก็บเงินลานจอดรถยนต์ ส่วนคลิปจากกล้องมือถือบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะพี่สาวของผู้ก่อเหตุคือ น.ส.กุ้ง สวมเสื้อสีแดงกางเกงขาสั้น แย่งโทรศัพท์มือถือผู้เสียหายขณะถ่ายคลิปได้เห็นคู่กรณี น.ส.มะปราง สวมเสื้อเชิ้ตคอปก แขวนบัตรพนักงาน กางเกงขายาวสีดำ วิ่งลงจากรถจยย.มาทำร้ายร่างกายในเวลาต่อมาก่อนวิดีโอจะถูกตัดออกไป



นางชญาภา กล่าวว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 09.20 น. ตนขับรถยนต์มาจอดลานจอดรถใต้สะพานพระราม 4 จากนั้นก็ลงจากรถไปซื้อของในโลตัสตามปกติ หลังจากซื้อของเสร็จก็จะเดินไปซื้อของกินแถวท่าน้ำปากเกร็ด จึงแวะไปทักทายเพื่อนร่วมงานเก่าที่ตู้เก็บเงินค่าจอดรถ และได้ฝากของที่ซื้อมาจากโลตัสไว้กับเพื่อนที่ตู้เก็บเงิน เพื่อจะไปร้านสะดวกซื้อ แต่ยังไม่ทันได้ไป คู่กรณีตนก็ขี่จยย.มากับผัว ซึ่งทั้ง 2 คน เป็นพนักงานเทศบาลนครปากเกร็ด คู่กรณีตนชื่อ มะปราง สามีเขาชื่อ แจ็ค ขี่จยย.มาจอดบริเวณที่ตนยืนอยู่ ก่อนคนเป็นผัวที่ชื่อ แจ็ค ลงมาชี้หน้าด่าตน ก่อนเมียรุมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย แล้วก็โทรศัพท์เรียกพี่สาวที่ชื่อกุ้งให้มาบริเวณที่เกิดเหตุ ผ่านไปไม่นานพี่สาวคู่กรณีมาก็เดินเข้ามารุมด่า ก่อนจะปรี่เข้ามารุมทำร้ายตน รอบแรกมีทางนายแจ็ค มะปราง และกุ้ง เข้ามารุมทำร้าย โดยนายแจ็คทำทีเหมือนจะเข้ามาห้ามแต่จับหัวตนกดเอาไว้


ส่วนอีก 2 คนก็รุมทำร้ายตน ผ่านไปสักพักตนมีสติลุกขึ้นได้หยิบมือถือมาถ่ายคลิปเยื่องจากทางคู่กรณีเรียกพวกมาประมาณ 4-5 คน ทางน.ส.กุ้งเห็น เดินปรี่เข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือขณะถ่ายคลิปแล้วใช้มือทุบไปที่ต้นคอ ก่อนน้องสาวจะวิ่งเข้ามาจิกหัวและทำร้ายร่างกายตนต่ออีกครั้ง ตนได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าซ้าย ข้อศอกข้างซ้าย และรอยฟกช้ำที่ลำคอและศรีษะ ระบมทั่วร่างกาย

นางชญาภา กล่าวต่ออีกว่า ตนเคยมีเรื่องระหองระแหงกับทางคู่กรณีตอนที่ตนยังทำงานอยู่ที่เทศบาลนครปากเกร็ด สาเหตุคาดว่าไม่ชอบหน้ากัน ประกอบกับตนเคยถูกน.ส.มะปราง ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังหัวหน้า เรื่องตนขับรถมาทำงานไม่รับบัตรจอดรถยนต์ และอีกหลายๆเรื่อง ตนเลือกที่จะเงียบแต่สุดท้ายทนไม่ไหวลาออกจากงาน เมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ที่ผ่านมา แล้วส่งเรื่องร้องเรียนยังหัวหน้าครั้งแรกและครั้งเดียวทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน ร้องเรียนไปว่าน.ส.มะปราง พาญาติมาจอดรถแล้วไม่รับบัตรจอดรถยนต์ จึงคิดว่าสาเหตุมาจากเรื่องนี้ที่ทำให้คู่กรณีโกรธจึงมาทำร้ายร่างกาย ตอนนี้รู้สึกกลัวเรื่องความปลอดภัย รู้สึกเสียใจ และอับอายเพราะตรงนี้เป็นที่สาธารณะมีคนเห็นเหตุการณ์เต็มไปหมด เบื้องต้นแจ้งความไปแล้วที่สภ.ปากเกร็ด ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงให้ทางคู่กรณี 2 ผัวเมีย ออกจากเทศบาลเพราะละทิ้งหน้าที่มาทำร้ายร่างกายตนขณะทำงานอยู่



น.ส.ธิดารัตน์ กล่าวว่า หลังจากที่ทราบเรื่องว่าแม่ถูกทำร้ายร่างกายรู้สึกเจ็บใจและเสียใจ เนื่องจากตนอยู่กับมามาตลอดตั้งแต่เกิดรู้นิสัยแม่ดีว่าแม่ตนไม่เคยไปคิดร้ายกับใครก่อน พอทราบเรื่องแล้วก็คิดอยู่ว่าคนก่อเหตุทำไมถึงยังทำงานได้ต่อ ทางเทศบาลนครปากเกร็ดจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อ ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แม่ไปไหนตนต้องตามไปด้วย เพราะว่าวันเกิดเหตุแม่ตนแค่มาตลาดซื้อของตามปกติยังโดนทำร้ายร่างกายกลางวันแสกๆคนอยู่กันเต็มไปหมด ซึ่งแม่ตนเป็นคนปากเกร็ดแท้ๆไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถึงจะเคยมีเรื่องระหองระแหงกับคู่กรณีมาก่อนแต่มันก็ควรจะจบตั้งนานแล้วเพราะแม่ตนลาออกไปแล้ว สุดท้ายอยากฝากถึงเทศบาลนครปากเกร็ดให้ช่วยคัดพนักงานที่มีวุฒิภาวะมากกว่านี้ และเอาผิดกับคนที่กระทำความผิดให้ถึงที่สุดไม่ต้องเก็บเอาไว้ให้เสียชื่อเทศบาล



นายแดง อายุ 51 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนเห็นผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคู่อริกับผู้เสียหาย มีการตะโกนพูดคุยว่าทางคนเจ็บไปว่าพี่สาวของเขา ส่วนคนเจ็บก็ตอบว่าไม่เคยไปว่าใคร ทางผู้ก่อเหตุไม่ยอมจึงโทรเรียกพี่สาวให้มาที่เกิดเหตุ ขณะพี่สาวผู้ก่อเหตุมาก็มีการตะโกนด่ากันหยาบคายก่อนจะวิ่งเข้าไปรุมทำร้ายคนเจ็บ จากนั้นทางพลเมืองดีก็เข้าช่วยเหลือ หากไม่มีใครเข้าไปช่วยคนเจ็บอาจจะเจ็บเยอะกว่านี้ เพราะว่าคนเจ็บไม่มีทางต่อสู้ได้เลย ส่วนตัวตนก็เคยเห็นและรู้จักกับผู้ก่อเหตุมานานแต่ไม่ได้สนิทกันเพราะทำงานอยู่ที่ตู้เก็บเงินลานจอดรถ รู้เพียงว่าเขาเป็นคนใจร้อนพรรคพวกเยอะ และเป็นคนไม่ยอมใคร

คุณอาจสนใจ

Related News