สังคม

คณบดียัน ‘น้องวีน’ จนจริง คณะแพทย์ ม.อ.ไม่ปิดกั้นโอกาสเข้าเรียนต่อ

โดย nicharee_m

25 ม.ค. 2566

138 views

คณะแพทย์ ม.อ.จัดพิธีลงนามโครงการพัฒนาระบบอัจฉริยะสำหรับแลกเปลี่ยนและประยุกต์ใช้ข้อมูลทางด้านสุขภาพใน จ.สงขลา ด้านคณบดีคณะแพทย์เผยเคสน้องวีน ตรวจสอบแล้วจนจริงๆ ไม่ได้จนทิพย์ ส่งทีมอาจารย์ตามไปดูถึงบ้าน ไม่ปิดกั้นโอกาสเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทย์ เพราะได้มาด้วยความรู้ ความสามารถ คาดน้องวีน ยังคงไม่ละทิ้งความตั้งใจเดิมแม้เจอกระแสดรามา

วันที่ 25 ม.ค. 66 ที่ห้องประชุมคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการจัดพิธีลงบันทึกข้อตกลงโครงการพัฒนาระบบอัจฉริยะสำหรับแลกเปลี่ยนและประยุกต์ใช้ข้อมูลทางด้านสุขภาพ เพื่อยกระดับบริการทางสาธารณสุข สำหรับสถานพยาบาลขนาดต่างๆ ใน จ.สงขลา หรือ Hospital Information Exchange : HIE

โดยเป็นความร่วมมือระหว่างคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งการจัดทำระบบในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนทุนการดำเนินงานจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

สำหรับพิธีลงนามในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประกอบด้วย นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธาน , รศ.นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ , นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา , นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และ รศ.ดร.วศิน สุวรรณรัตน์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

นอกจากนั้นภายหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนามในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับทาง รศ.นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เกี่ยวกับประเด็นของน้องวีน หรือ นายกันตภณ เต่าจันทร์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนปัญญาวุธ จ.พัทลุง ที่สอบผ่านการทดสอบรอบพิเศษเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทย์ศาสตร์ แต่ปรากฏเป็นกระแสดราม่าในสังคมเกี่ยวกับเรื่องการเปิดรับบริจาคหาทุนเรียน และหลายคนมองว่า ครอบครัวนี้จะจนทิพย์หรือไม่ รวมทั้งกระแสข่าวว่า ทางมหาลัยหรือคณะอาจจะไม่รับเข้าศึกษาต่อนั้น

รศ.นพ.เรืองศักดิ์ ลีธนาภรณ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ต้องแยกเป็นประเด็นๆ ไป โดยน้องวีน สอบได้จริง ซึ่งมาจากความรู้ ความสามารถ ของน้อง และสกิลการเป็นหมอมี และผ่านการทดสอบมาตามขั้นตอน ไม่ได้ลัดขั้นตอนใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีความสามารถที่จะเข้ามาเป็นนักเรียนแพทย์ได้

ส่วนประเด็นเรื่องจนจริงหรือไม่นั้น ต้องบอกว่า จนจริง ไม่ได้แค่อ่าน หรือฟังคำบอกเล่าของใครมา แต่ทางคณะแพทยศาสตร์ ได้ส่งทีมอาจารย์ลงพื้นที่ไปพบกับเด็ก และครอบครัว รวมทั้งสอบถามจากญาติ คนใกล้ชิด และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ ซึ่งมีข้อมูลหลักฐานยืนยันได้ว่า ครอบคัวของน้องวีน จนจริงๆ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และหากต้องมาเรียนแพทย์ก็คงจะไม่มีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอ ซึ่งทั้งหมดเรื่องความจนยืนยันได้ว่า เป็นข้อมูลจริง

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนเรื่องการเปิดรับบริจาคนั้นไม่น่าจะเป็นประเด็นที่จะไม่รับเข้าศึกษาต่อแต่อย่างใด ซึ่ง น้องวีน และครอบครัว เมื่อรู้ว่าสอบได้ก็ดีใจมาก และเชื่อว่า เมื่อรู้ว่าสอบติด และต้องเรียนแพทย์ จึงอาจจะมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และอาจจะไม่มีเงินไปเรียน จึงพยายามขวนขวายหาหนทาง ซึ่งสิ่งที่ทำก็ไม่ได้เป็นการโกหกหลอกลวง และสิ่งที่น้องวีน และครอบครัวพูด ก็เป็นความจริง

ขณะที่ในเรื่องเงินทุนการศึกษานั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีบุคลากร และองค์กรภายนอก ที่คอยสนับสนุนทุการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ตั้งแต่ปี 1-ปี 6 อีกทั้งยังมีทุนการศึกษาจากมูลนิธิโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อีกส่วนหนึ่งมอบที่จะมอบให้กับนักศึกษาที่เรียนดี ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ด้วย ซึ่งกรณีของน้องวีน หรือนักศึกษาคนอื่นๆ ที่มีปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียนนั้น ทางคณะแพทยศาสตร์ มีขบวนการที่จะเข้าไปช่วยเหลือนักศึกษาเหล่านี้อยู่แล้ว

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากข้อมูลล่าสุดที่ได้ส่งทีมอาจารย์เข้าพบน้องวีน และครอบครัว ที่บ้านพักนั้น คาดว่า น้องวีน น่าจะมาเข้าศึกษาต่อที่คณะแพทย์ ซึ่งน้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเรียนมาตั้งแต่ต้น และคาดว่า น้องวีน คงจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจนี้

สำหรับยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะมีขึ้นในวันที่ 7-8 ก.พ. และจะมีการพิจารณาพร้อมกับประกาศผลผู้ที่ได้รับการคัดเลือดเข้าศึกษาต่อในวันที่ 11 ก.พ.นี้


คุณอาจสนใจ

Related News