สังคม

รมว.อุตสหากรรม เร่งรัดคดีเอาผิดกลุ่มผู้ลักลอบทิ้งกากสารเคมี ในจ.พระนครศรีอยุธยา

โดย parichat_p

27 ต.ค. 2567

57 views

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสหากรรม เดินหน้าจัดหางบประมาณประจำปี และงบกลางเพื่อแก้ปัญหาการลักลอบทิ้งกากสารเคมีในกรณีที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชาวบ้าน จนต้องของบกลางจากรัฐบาล ขณะเดียวกันก็เร่งดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง กับการลักลอบเก็บและลักลอบฝังกลบสารเคมีลงดิน โดยมีรายงานว่ามีอย่างน้อย 3 คดี ที่พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ โดยกรรมการบริษัทวินโพรเสส จ.ระยอง ก็ถูกออกหมายจับเพิ่ม ในความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย


อาคารหมายเลข 3 ของบริษัทเอกอุทัย ต.สามบัณฑิต อ.อุทัย เป็นหนึ่งในอาคารที่มีเก็บกากสารเคมีประเภทกรดไว้มากสุดในบรรดาอาคารทั้งหมดนี้ /..และในขั้นตอนการเก็บก็มีสารเคมีหลายชนิดปะปนอยู่ ทั้งกลุ่มที่เป็นกรดรุนแรง และกลุ่มโซลเว้นท์ ที่มีสารก่อมะเร็ง


ฤทธิ์ของกรด ได้กัดกร่อนส่วนที่เป็นโลหะ จนเสี่ยงที่โครงสร้างทั้งหมดจะพังลงได้ตลอดเวลา ขณะใต้โครงหลัง ก็มีสารเคมีจำพวกกรด ที่ทำปฎิกิริยากับโลหะ จนเกิดกลุ่มควันเป็นระยะและใต้ดินหน้าโกดังนี้ก็พบการลักลอบฝังกากสารเคมีหลายชนิดไว้ด้วย


ที่โกดังนี้ บริษัทTARF หรือ ทาร์ฟ เป็นผู้คู่สัญญารับจ้างด้วยงบ 4 ล้านบาทให้กำจัดกรดในถังเบาท์ในอาคาร และด้านหน้าอาคาร ซึ่งขณะนี้ในอาคาร ยังมีกรดเข้มข้นตกค้างอยู่


กากสารเคมีประเภทกรดเหล่านี้ กลายเป็นความจำเป็นเร่งด่วนระยะแรก ๆ ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมต้องการแก้ปัญหาด้วยการนำออกไปกำจัดที่อื่น หลังจากตั้งแต่เมษายนปีนี้เป็นต้นมา ที่นี่ก็ส่อจะเกิดไฟไหม้ซ้ำร้อยโกดังที่ภาชี และซ้ำรอยที่วินโพรเสส จ.ระยอง


อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมยืนยันว่าความรับผิดชอบในการกำจัด จะยังเป็นภาระของผู้กระทำผิด ซึ่งภาครัฐได้ฟ้องดำเนินคดี แต่ระหว่างนี้จำเป็นต้องจัดสรรทั้งงบประจำปีและงบกลาง และคำว่างบกลาง ก็ต้องเป็นงบฉุกเฉินตามลำดับความเร่งด่วนของปัญหา


สถานะทางคดีล่าสุด คดีวางเพลิงโกดังภาชีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเพลิงไหม้เมื่อเดือนพฤษภาคม โกดังภาชี ยังอยู่ในขั้นตอนสืบสวน โดยสภ.ภาชี คดีร่วมกันครอบครองวัตถุอันตราย พรบ.สาธารณสุข ของท้องถิ่น/และคดีตาม พรบ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรณีโกดังภาชี พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการแล้ว และอัยการสั่งสอบสวนเพิ่ม โดยมีผู้ต้องหาทั้งบุคคลและนิติบุคคล รวม 7 ราย


ส่วนที่บ.เอกอุทัย ต.สามบัณฑิต พบการกระทำผิดสองช่วงเวลา ช่วงแรก ขณะบริษัททยังไม่ถูกสั่งปิดโรงงาน จึงถูกดำเนินคดีตาม พรบ.โรงงานและพรบ.วัตถุอันตาย รายต่อมาหลังการเพิกถอนใบอนุญาต เจ้าหน้าที่นำหมายค้นไปค้นเพิ่ม ก็พบการลักลอบฝังไว้ในใต้ดิน พนักงานสอบสวนจึงรวมสำนวนไว้ด้วยกัน แต่เพิ่มข้อกล่าวหาคดีอาญา มาตรา228 และ 237 ฐานปล่อยสารเคมีลงแหล่งน้ำสาธารณะ โดยสองช่วงเวลานี้ มีกรรมการบริษัท เป็นคนละชุด และหากมีหลักฐาน ก็จะทำให้กรรมการทั้งสองชุด ถูกดำเนินคดีนี้ นอกจากนี้ ก็ยังพบสารเคมีปนเปื้อนลงแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก 30 เมตร ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะมาสำรวจเพิ่มอีกเพื่อนำหลักฐานไปประกอบสำนวนคดีอาญา เหมือนกรณีโรงงานบ.วินโพรเสส จ.ระยอง


นอกจากนี้ยังมีกรณีการลักลอบเก็บสารเคมี ที่บ.ซันเทค เชื่อมโยงกับบ.เอกอุทัย มีข้อมูลว่าพนักงานสอบสวนเตรียมขอหมายจับ หลังจากไม่มารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก


กรณีการเช่าที่ดิน ในตำบลเสนา อ้างว่าเพื่อจอดรถแล้วพบการลักลอบฝังสารเคมี ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้ว โดยมีผู้ต้องหาทั้งบุคคลและนิติบุคคล 9 ราย ในความตาม พรบ.โรงงานและพรบ.วัตถุอันตราย /และคดีนี้ นายโอภาส ถูกออกหมายจับเพิ่มด้วย


ส่วนการลักลอบทิ้งในที่นาอย่างโจ่งแจ้ง ใน ตำบลข้าวเม่า ม. 14 อ.อุทัย พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล


ซึ่งทุกคดีทั้งที่อำเภอภาชี ยกเว้นกรณีวางเพลิงและเพลิงไหม้ และทุกคดีในอำเภออุทัย ต่างมีชื่อนายโอภาส บุญจันทร์ กรรมการบริษัทวินโพรเสส จ.ระยอง ถูกซัดทอด และถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังด้วย ขณะนี้นายโอภาส ยังไม่ได้รับอนุญาตประกันตัว จากศาลจังหวัดระยอง หลังจากถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 228 และ 237 ฐานปล่อยน้ำสารเคมีปนเปื้อนลงแหล่งน้ำสาธารณะ เหตุเกิดที่บ้านหนองพะวา อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

คุณอาจสนใจ

Related News