จ่อขยายผล แก๊งขนโรฮิงญาทิ้งป่าชุมพร พร้อมเตรียมผลักดันที่เหลือออกไทย หลังผลคัดกรองชี้ไม่ใช่เหยื่อ

ตำรวจสอบสวนกลางและ สภ.หลังสวนเตรียมขยายผลรถกระบะตู้ทึบขนชาวโรฮิงญาไปทิ้งในป่าละเมาะ ที่อ หลังสวน ชุมพร พบว่า มีรถอีก 3-4 คัน ร่วมขนมาจากชายแดน ด้าน แม่สอด ตาก ขณะที่มีรายงานว่ามีชาวโรฮิงญาร่วม 300 คน เตรียมหนีเข้ามาเพื่อไปยังมาเลเซีย



ตำรวจสอบสวนกลางทั้ง กองปราบปราม ตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ ร่วมกับ สภ หลังสวน จ ชุมพร สอบสวนชาวโรฮิงญา 23 คน ที่รอดชีวิต หลังจากถูกนำมาทิ้ง บริเวณวัดเขาเสก ต วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยพบผู้เสียชีวิต 3 ราย



หลังจากตำรวจจับนาย พิทักษ์ อายุ 30 ปี และนายเสกสรรค์อายุ 21 ปี ได้ที่อำเภอชะอำจังหวัดเพชรบุรี ขณะ ขับรถหลบหนี จากการตรวจสอบข้อมูลรถกระบะตู้ทึบ ทั้งสองคันมีผู้ครอบครองชื่อ นายธวัชและ น.ส.พิมพ์ลดา เป็นเจ้าของรถ ซึ่งตำรวจเตรียมเรียกมาสอบสวนว่า รู้เห็นกับการนำรถไปขนแรงงานชาวโรฮิงญา จนเสียชีวิตในรถหรือไม่ เบื้องต้นทราบว่าเป็นญาติกับผู้ต้องหาทั้งสองคน



จากการสอบสวนนายพิทักษ์ และนายเสกสรร ระบุว่า รับงานเป็นทอดที่ 3 จากพื้นที่นิมิตใหม่ เพื่อจะไปส่งที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แต่มีรถกระบะตู้ทึบ ได้ไปรับชาวโรฮิงญา มาจากชายแดนด้าน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เข้ามา 2 ทอด ก่อนจะ มาถึงย่าน นิมิตรใหม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ได้ข้อมูลเครือข่ายที่ใช้บุคคลปริศนา เป็นกลุ่มรถกระบะตู้ทึบที่รับงานเป็นประจำ เนื่องจากได้ค่าจ้างราคา 7 หมื่นถึงแสนบาทต่อเที่ยว



ขณะที่ชาวโรฮิงญาที่รอดชีวิต เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม จ ชุมพร ได้มาคัดกรอง พบว่า ไม่เข้าข่ายเหยื่อจากการค้ามนุษย์ มีความผิดเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งตามบันทึกข้อตกลง จึงเตรียมผลักดันออกนอกประเทศโดยไม่ต้องฟ้องศาล หลังจากนี้ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็จะควบคุมตัวผลักดันออกนอกประเทศ